เงินกำลังจะหมุนไปขี่พายุ ทะลุฟ้า
เคยได้ยินไหมครับ เพลงในหนังโฆษณาลือลั่นของแบงก์กรุงไทย... “เงินกำลังจะหมุนไปๆๆ” ตอนปี 2544
เคยได้ยินไหมครับ เพลงในหนังโฆษณาลือลั่นของแบงก์กรุงไทย… “เงินกำลังจะหมุนไปๆๆ” ตอนปี 2544
ซึ่งตอนนั้น กจญ.หรือกรรมการผู้จัดการใหญ่แบงก์ก็คือ วิโรจน์ นวลแข มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และมีดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ชะตากรรมแปรผัน ผู้มีส่วนร่วมขับขานเสียงเพลง “เงินกำลังจะหมุนไป” มีอันต้องรับวิบากกรรมซะ 2 คืออดีตนายกฯทักษิณ จำนิราศอยู่ต่างแดน และวิโรจน์ นวลแข ต้องคำพิพากษาจำคุก
จึงคงเหลือดร.สมคิดแต่ผู้เดียว ที่ยังคงขับขานเสียงเพลง “เงินกำลังจะหมุนไป” แม้ต่างที่ต่างเวลา และภายใต้รัฐบาลที่เคยประกาศตนว่า ชิงชังนโยบายประชานิยมเป็นอย่างยิ่ง
คุ้นไหมครับกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น มูลค่า 1.36 แสนล้านบาท
อย่างเช่น เพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้านอีก 6 หมื่นล้านบาทอย่างเนี้ย อนุมัติงบลงทุนสร้างสิ่งสาธารณประโยชน์ตำบลละ 5 ล้านบาท วงเงินรวม 36,275 ล้านบาทอย่างเนี้ย
มันใช่ SML สมัยทักษิณหรือเปล่า และก็มาตรการส่งเสริมการลงทุนขนาดเล็ก วงเงินรวมไม่เกิน 40,000 ล้านบาท
จากนั้น อีก 1-2 สัปดาห์ ก็จะมีมาตรการช่วยเหลือธุรกิจ SME ออกมาอีก อาทิ การปรับลดภาษีเงินได้ลง เป็นต้น
นอกจากนี้ ก็ยังจะมีการปลดล็อกรถคันแรกสมัยยิ่งลักษณ์ จากของเดิมกำหนดห้ามการจำหน่ายจ่ายโอนภายใน 5 ปีมาเป็น 3 ปี เพื่อปลุกอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ซบเซาให้กลับมาคึกคัก
สมัยก่อน นโยบายรถคันแรก โดนวิจารณ์เอาเป็นเอาตายว่า จะสร้างหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น แต่สมัยนี้ ความกลัวคงจะหมดไปแล้ว ซึ่งก็น่าแปลก
เป็นอันว่า นโยบายประชานิยม ที่ถูกระบายภาพซะน่าเกลียดน่ากลัว บัดนี้ ไม่เป็นที่น่ารังเกียจอีกต่อไปแล้ว
คนที่แสดงออกถึงความรังเกียจนโยบายประชานิยมอย่างออกนอกหน้าเช่นม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ก็ยังร่วมครม.ประยุทธ์ จันทร์โอชาต่อไปไม่ได้
แต่กระแสสังคมรวมทั้งวงการตลาดเงิน ตลาดทุน กลับตอบรับคนที่พะยี่ห้อประชานิยมอย่างดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์อย่างล้นหลาม
ตลาดหุ้นก็ขึ้น ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจก็ตามมา
ผิดกับความเชื่อมั่นที่มีต่อม.ร.ว.ปรีดิยาธรและคณะ ซึ่งค่อนข้างจะไร้เสน่ห์ ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเชิงรับเสียเป็นส่วนใหญ่
แม้จะคิดออกว่า ต้องทุ่มเทช่วยเหลือรากหญ้าหรือผู้มีรายได้น้อย แต่หม่อมอุ๋ยก็ไม่กล้าทุ่มเทงบประมาณขนาดใหญ่เข้าไปช่วยเหลือ
เนื่องจากมีทัศนคติว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาตอนนี้ ใส่เงินไปเท่าไหร่ก็หายหมด สู้เก็บเงินเอาไว้ใช้ยามจำเป็นจะดีกว่า กับอีกประการหนึ่ง ก็ติดกับดักเรื่องประชานิยม ที่ตนเองเป็นโต้โผวิพากษ์วิจารณ์เอาไว้เยอะด้วย
สรุปแล้ว ประชานิยมจะดีหรือเลวอย่างไร ไม่รู้ รู้แต่ว่า มรดกประชานิยมต้นตำรับอย่าง 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน และโอท็อป กระทั่งรถคันแรก ก็ยังได้รับใช้บริการผู้ปกครองทุกยุค ที่เวียนหน้ากันเข้ามา
ประชานิยมจะดีหรือเลวอย่างไร ดูจะตัดสินกันที่ใครทำมากกว่า
ดร.สมคิดเป็นคนทำ ก็รับได้ โอเคครับ ท่านนายกรัฐมนตรีก็ชื่นชมยินดีในครม.เศรษฐกิจชุดใหม่อย่างออกนอกหน้า
เงินกำลังจะหมุนไป พร้อมกับความหวังครั้งใหม่จริงๆ