หุ้นยุโรปปิดพุ่งหลังอีซีบีส่งสัญญาณพร้อมกระตุ้นศก.เพิ่ม

ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งแรงเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) รับถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งระบุว่า ธนาคารพร้อมที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หากเห็นว่าจำเป็น


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 2.4% ปิด (3 ก.ย.) ที่ 362.24 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 98.87 จุด หรือ 2.17% ปิดที่ 4,653.79 จุด, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน เพิ่มขึ้น 269.79 จุด หรือ 2.68% ปิดที่ 10,317.84 จุด และดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 110.79 จุด หรือ 1.82% ปิดที่ 6,194.10

ธนาคารกลางยุโรปจัดการประชุมนโยบายการเงินวานนี้ โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.05% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ตามความคาดหมาย นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวภายหลังการประชุมว่า ECB พร้อมที่จะเพิ่มการอัดฉีดเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.1 ล้านล้านยูโร (1.2 ล้านล้านดอลลาร์) เพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อให้ฟื้นตัวจากระดับต่ำไปสู่เป้าหมายที่ระดับใกล้ 2% และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ECB ได้ระบุก่อนหน้านี้ว่าจะซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน จนถึงเดือนก.ย.ปีหน้า โดยเริ่มต้นในเดือนมี.ค. คิดเป็นวงเงินรวม 1.1 ล้านล้านยูโร ซึ่งมีเป้าหมายที่จะอัดฉีดเม็ดเงินใหม่ๆเข้าสู่เศรษฐกิจของประเทศยูโรโซนที่กำลังซบเซาลง และจัดการกับภาวะเงินฝืดและอัตราว่างงานในยูโรโซน โดย ECB จะซื้อพันธบัตร เพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้ระดับ 2%

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ นายดรากีระบุว่า ECB สามารถปรับขนาด สัดส่วนการซื้อพันธบัตร และช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตร หากมีความจำเป็น พร้อมยืนยันว่า ECB จะเดินหน้าโครงการดังกล่าว จนกระทั่งอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสู่เป้าหมายของ ECB ที่ใกล้ระดับ 2% โดยขณะนี้ อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนอยู่ที่ 0.2% เพราะได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ต่ำกว่าคาด

ทั้งนี้ ที่ประชุมธนาคารกลางยุโรปยังได้ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจ 19 ประเทศในยูโรโซนในปีนี้ รวมทั้งปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ โดยคาดว่าเศรษฐกิจในยูโรโซนจะเติบโต 1.4% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดการณ์ที่ระดับ 1.5% หลังจากขยายตัว 0.9% ในปีที่แล้ว ขณะที่ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสู่ระดับ 0.1% ในปีนี้ จากระดับ 0.3% ที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน มาร์กิตเปิดเผยในวันเดียวกันว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของยูโรโซนในเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้นแตะ 54.4 จากระดับ 54.0 ในเดือนก.ค. หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตไปเมื่อวันอังคาร ซึ่งขยับลงแตะ 52.3 จาก 52.4 สำหรับดัชนี PMI รวมทั้งภาคบริการและการผลิตของยูโรโซน เพิ่มขึ้นแตะ 54.3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2554 หรือในรอบกว่า 4 ปี และดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของกิจกรรมทางธุรกิจ มาตั้งแต่เดือนก.ค.2556

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยเกลนคอร์พุ่งขึ้น 6.64% อังโกล อเมริกัน บวก 6.03% และบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 4.27%, หุ้นยูนิเครดิตบวก 3.4% หลังแหล่งข่าวเผยว่า ธนาคารกำลังพิจารณาที่จะปรับลดจำนวนพนักงานอย่างน้อย 10,000 คน

หุ้นสายการบินอีซี่เจ็ทพุ่ง 5.4% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรมาอยู่ในช่วง 675-700 ล้านปอนด์ เนื่องจากตัวเลขการเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่หุ้นบริษัทสายการบินอื่นๆก็ปรับตัวขึ้นเช่นกันจากข่าวดังกล่าว โดยหุ้นไอเอจี เจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส บวก 4.6%, หุ้นแอร์ ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม พุ่ง 7.2% หลังมีรายงานว่า สายการบินแอร์ฟรานซ์กำลังพิจารณาที่จะเปิดสายการบินต้นทุนต่ำระยะไกล

Back to top button