ดอลล์แข็งค่าหลังอีซีบีส่งสัญญาณกระตุ้นศก.
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดช่องสำหรับการใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภูมิภาค
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่าค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1121 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1240 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5259 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5305 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.00 เยน จาก 120.23 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9736 ฟรังก์ จาก 0.9692 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7017 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7034 ดอลลาร์
ดอลลาร์ปรับตัวแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ระบุเมื่อวานนี้ว่า ECB พร้อมที่จะเพิ่มการอัดฉีดเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.1 ล้านล้านยูโร (1.2 ล้านล้านดอลลาร์) เพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อให้ฟื้นตัวจากระดับต่ำไปสู่เป้าหมายที่ระดับใกล้ 2% และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
การแสดงความเห็นของนายดรากีมีขึ้นหลังจากที่ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.05% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ตามความคาดหมาย ขณะเดียวกัน ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ -0.2% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสก็เป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์ด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 7.4% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 4.186 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยได้รับอานิสงส์จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในต่างประเทศสำหรับรถยนต์และสินค้าด้านอุตสาหกรรมของสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้า 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.
ด้านบริษัทมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขั้นสุดท้ายสำหรับภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. และสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 55.2 ขณะที่ปรับตัวขึ้นจากระดับ 55.7 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 56.0 โดยตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐ ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ เพื่อประเมินทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่ง โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 215,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ขณะที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.2% จากระดับ 5.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี