XO บวก 2% ลุ้นกำไร Q4 โต-ยอดขายกระฉูด หลังโควิดดันออเดอร์ทะลัก

XO บวก 2% ลุ้นกำไร Q4 โต-ยอดขายกระฉูด หลังโควิดดันออเดอร์ทะลัก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ล่าสุด ณ เวลา 12.10 น. อยู่ที่ระดับ 10.50 บาท ปรับตัวขึ้น 0.20 บาท หรือ 1.94% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 56.71 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าการเติบโตต่อเนื่อง หลังผลงานในปี 63 คาดทำสถิติสูงสุดใหม่ ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ระบาดในประเทศไทยและระบาดไปทั่วโลกสนับสนุนให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่ปัจจัยในการเติบโตทั้งหมด เพราะมองว่าความสำเร็จของผลประกอบการในปีนี้ มาจากความต้องการซื้อสินค้ากลุ่มซอสจากลูกค้าเดิมที่ขยายตัว และลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงปลายปี 62 ราว 5-6 ราย สนับสนุนยอดขายเข้ามาค่อนข้างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ XO ยังคงมั่นใจจะเติบโตต่อเนื่องในปี 64 เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ล่วงหน้าอยู่ในระดับที่น่าพอใจไปจนถึงเดือน ก.พ.64 และมองแนวโน้มไตรมาส 1/64 ภาพรวมอาจใกล้เคียงช่วงไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ในปีนี้ อีกทั้งมีแผนบุกตลาด โดยวางงบลงทุนค่า Listing Fee ไว้ราว 10-15 ล้านบาท เพื่อเพิ่มพื้นที่ขาย พร้อมเจาะ Outlet ในกลุ่ม Top5 ของประเทศนั้นๆ หรือในตลาดที่มีศักยภาพ เพิ่ม SKU ในสินค้ากลุ่มซอสที่ขายดีในยุโรปและรุกตลาดจีน

โดยในปี 63 บริษัทฯ รุกตลาดในประเทศจีนได้เพิ่มขึ้น โดยนำสินค้าเข้าไปขายในวอลมาร์ต (Walmart) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ปัจจุบัน เริ่มพูดคุยกับตัวแทนจำหน่ายในจีน และเพิ่มงบค่า Listing fee คาดจะนำสินค้ากลุ่มซอสวางจำหน่ายเพิ่มเติมในปีหน้าอีกราว 1-2 แห่งที่เซี่ยงไฮ้ และมีแผนออกงานแสดงสินค้าในพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มเติม ควบคู่ขยายช่องทางออนไลน์ไปยังทีมอล (Tmall ) จึงมั่นใจ จะได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากจีนเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และคาดจะได้เห็นผลตอบรับในช่วงไตรมาส 3 ปีหน้าเป็นต้นไป

พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ปี 64 เติบโตอีก 10-15% จากปี 63 ที่มีฐานการเติบโตที่อยู่ในระดับสูง และสนับสนุนให้กำไรคาดเติบโต 20-25% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นวางไว้อยู่ในระดับ 40% ต่อเนื่อง ตามการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และการขยายตลาดสินค้ากลุ่มซอสซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มที่มาร์จิ้นสูงสุดในกลุ่มได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบ ยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยมีการล็อกราคาล่วงหน้าทั้งน้ำตาลและกระเทียมไว้ยาวจนถึงสิ้นปีหน้า

ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่า บริษัทไม่กังวล เพราะปกติเราขายเป็นสกุลเงินบาทเป็นส่วนใหญ่ราว 75% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่ ยอดขายสกุลดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่อง บริษัทมีสัดส่วนเพียง 20% เนื่องจากคู่ค้าส่วนใหญ่ 80% อยู่ในทวีปยุโรป และค่าเงินยูโรมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ทำให้ไม่กระทบต่อลูกค้า และไม่มีการต่อรองสินค้าเข้ามา

“เนื่องจากหลายคนตั้งคำถามว่า XO ผูกกับโควิด-19 เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ยังมีความรุนแรง เราก็มียอดขายที่ดีขึ้น แต่หากสถานการณ์โควิด-19 จบลง ยอดขายจะเป็นอย่างไร ผมก็ยอมรับว่าเราได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้ แต่เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากปลายปี 62 เราได้ดิสทริบิวเตอร์รายใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นค่อนข้างมีประสิทธิภาพราว 5-6 ราย ทำให้เพิ่มพื้นที่ขายได้หลายสาขา และยอดขายโตพอสมควร ดังนั้น ในปี 63 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการล็อกดาวน์ ทำให้เราได้อานิสงส์ในแง่ของยอดขายเพิ่มขึ้นจริง แต่บริษัทฯ ประเมินยอดขายที่เพิ่มขึ้นเพราะโควิด-19 อยู่ที่ประมาณไม่ถึงร้อยล้านบาท จากยอดขายทั้งหมดที่ทำได้ เพราะเรายังคงโตจาก Organic Growth ด้วย” นายจิตติพร กล่าว

สำหรับภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 4/63 มีแนวโน้มเติบโตจากคำสั่งซื้อที่รอส่งมอบ แต่อาจชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/63 ที่ผ่านมา ขณะที่ ปัญหาการขาดแคลนเรือขนส่งชั่วคราว ทำให้การส่งของล่าช้า ปกติปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งอยู่แล้ว และไม่กระทบบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ คาดจะคลี่คลายในอีก 2 เดือนข้างหน้า พร้อมยืนยันเป้าหมายรายได้ทั้งปีนี้เติบโต 25-30% จากเป้าหมายก่อนหน้านี้วางไว้โต 20% เมื่อเทียบกับปี 62 ทำรายได้ไว้เกือบ 1,000 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้อัตรากำลังการผลิตสินค้ากลุ่มซอสคาดอยู่ที่ราว 60% เพียงพอต่อการขยายตลาดในปี 64

ทั้งนี้ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ โดย แนะนำซื้อ XO ราคาเป้าหมาย 11.60 บาท  คาดกำไรไตรมาส 4/2563 ลดลง เทียบไตรมาสก่อนหน้า เพราะ Low season และขาดแคลนเรือขนส่งชั่วคราว แต่เติบโตสูง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะฐานปีก่อนต่ำ

อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างขยายช่องทางการขายในแต่ละประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งขยาย outlet ใน Modern trade ขยายช่องทาง Online ในตลาดจีน โดยเน้นขยายไปกับ Distributor รายเดิมในยุโรปและจีน ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายปีหน้าโต 10-15% หากทำได้ตามเป้า จะเป็น upside ต่อประมาณการของที่คาดกำไรปีหน้า ลดลง 23% เพราะฐานปีนี้สูง

 

 

 

Back to top button