ประชาชนโกรธ
หลังจากปล่อยให้เที่ยวต่างจังหวัด 4 วัน หรืออันที่จริง สถานประกอบการจำนวนมากปิดตั้งแต่วันที่ 25-26 ธ.ค. ปล่อยคนเดินทางทั่วประเทศมาเกินสัปดาห์ศบค.ก็ประกาศให้ 28 จังหวัดเป็นพื้นที่สีแดง 11 จังหวัดเป็นพื้นที่สีส้ม หรือพื้นที่กันชน ที่เหลือเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง เพิ่มความเข้มข้นในการปิดสถานประกอบการ จำกัดการเดินทาง แถมจะห้ามนั่งร้านอาหาร
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
หลังจากปล่อยให้เที่ยวต่างจังหวัด 4 วัน หรืออันที่จริง สถานประกอบการจำนวนมากปิดตั้งแต่วันที่ 25-26 ธ.ค. ปล่อยคนเดินทางทั่วประเทศมาเกินสัปดาห์ศบค.ก็ประกาศให้ 28 จังหวัดเป็นพื้นที่สีแดง 11 จังหวัดเป็นพื้นที่สีส้ม หรือพื้นที่กันชน ที่เหลือเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง เพิ่มความเข้มข้นในการปิดสถานประกอบการ จำกัดการเดินทาง แถมจะห้ามนั่งร้านอาหาร
เพียงแต่มาตรการบังคับยังไม่ชัดเจน โยนกันไปโยนกันมา เป็นกึ่ง ๆ ล็อกดาวน์ที่ ศบค.ไม่ให้เรียกว่าล็อกดาวน์ กลัวจะเป็นภาระจ่ายค่าเยียวยา ทีแรกจะผลักให้จังหวัดออกคำสั่ง (ถึงขั้นสั่งเคอร์ฟิวได้ด้วย) แต่จังหวัดก็ไม่อยากถูกด่า เช่น กทม.บอกว่าถ้าจะห้ามนั่งร้านอาหารก็ต้องกำหนดร่วมกันทั้งปริมณฑล ในเบื้องต้น แค่เพิ่มมาตรการเช่นให้ตั้งโต๊ะห่างกัน
ใครจะอยากรับเผือกร้อนให้ชาวบ้านผู้ประกอบการด่า เพราะประการแรก ประชาชนเข็ดแล้วกับมาตรการระเบิดภูเขาเผากระท่อม ฉิบหายเท่าไหร่ช่างมัน มุ่งล้างผลาญไวรัสเป็นศูนย์ แบบล็อกดาวน์ครั้งที่ผ่านมา ประการที่สอง ประชาชนเริ่มรู้ว่าโควิดป้องกันได้ อยู่กับมันได้ และโควิดครั้งนี้ กรมควบคุมโรคก็บอกเองว่า แพร่เร็วแต่รุนแรงน้อยกว่า เพิ่งมีตัวเลขนอนไอซียูแค่ 11 คน
ประการที่สาม สำคัญที่สุด ความฉิบหายครั้งนี้เกิดจากความฉ้อฉลไร้ประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังจะผลักภาระให้ประชาชน
สมาคมภัตตาคาร ซึ่งคัดค้านมาตรการห้ามนั่งกินอาหารในร้าน จะสร้างความเสียหายแสนล้านก็โวยว่าการระบาดรอบสองไม่ได้มีมูลเหตุต้นตอมาจากร้านอาหาร “แท้จริงการระบาดรอบ 2 มาจากกลุ่มธุรกิจที่ผิดกฎหมายทั้งหมด” แล้วจะมาผลักภาระได้อย่างไร
จริงไหมล่ะ ประชาชนไม่เคยการ์ดตกโควิดไม่ได้ระบาดจากม็อบโควิดไม่ได้ระบาดจากคอนเสิร์ตโควิดไม่ได้ระบาดจากการใช้ชีวิตประจำวัน โควิดระบาดจากขบวนการส่งผู้หญิงไทยไปค้าบริการในเมียนมาร์ โควิดระบาดจากเครือข่ายค้ามนุษย์ ลักลอบค้าแรงงานต่างชาติ หรือรีดไถ ปล่อยปละให้แรงงานต่างชาติตกค้างกลายเป็นผิดกฎหมาย
เลวร้ายที่สุด คือโควิดระบาดจากบ่อนในภาคตะวันออก ซึ่งกระจายไปมากกว่าตลาดกุ้งมหาชัยเสียอีก
แต่ตำรวจบอกว่าไม่มีบ่อน ทั้งที่เห็นในกูเกิลแมพ สำนักงานสาธารณสุขก็ระบุสถานที่ ว่าใครไป “ลักลอบเล่นการพนัน” ตรงนั้นตรงนี้ให้รีบรายงานตัว ชาวบ้านรู้กันทั่ว ตำรวจไม่รู้ การย้ายแค่ผู้การจังหวัด ระยอง ชลบุรี ก็ไม่ช่วยอะไร บ่อนมีมาก่อนผู้การย้ายไป ในกรุงเทพฯ ก็เห็นชัด ๆ ตำรวจระดับสารวัตรถูกยิงตาย รัฐบาลยังทำเป็นไม่รู้ไม่รับผิดชอบ
พอโดนชาวบ้านด่า แทนที่จะยอมรับ ประยุทธ์กลับโทษคนวิจารณ์ว่าหวังผลการเมือง ตำหนิข้าราชการที่โพสต์แฉบ่อนว่าจะมีความผิดฐานรู้แล้วไม่แจ้งต้นสังกัด
โควิดรอบแรก อันที่จริงก็ซูเปอร์สเปรดจากเวทีมวยทหาร มีอภิสิทธิ์ (เจ้ากรมสวัสดิการโดนย้ายแต่สุดท้ายก็กลับที่เดิม ตำแหน่งที่มีอำนาจจัดสรรผลประโยชน์) แต่ครั้งนั้นประชาชนยังคิดว่า ทำอย่างไรก็คงสกัดไม่อยู่ มันคงระบาดอยู่ดี
แต่ครั้งนี้เห็นตำตา โควิดรอบใหม่ระบาดจากความบกพร่องฉ้อฉล ยังจะบอกให้ประชาชนรับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบสังคม อดทน เสียสละ หยุดเชื้อเพื่อชาติ รวมใจไทยต้านภัยโควิด ฯลฯ ผู้ประกอบการต้องรับภาระ ร้านนวดฟิตเนสกวดวิชา ฯลฯ ถูกสั่งปิด ฝ่าฝืนไม่เชื่อฟังคำสั่งโดนปรับหนึ่งแสนจำคุกหนึ่งปี โดยยังไม่มีมาตรการชดเชย
ทำอย่างนี้จะไม่ให้ประชาชนโกรธได้อย่างไร ประชาชนที่เชื่อมั่นให้ประยุทธ์นำประเทศฝ่าโควิด คงยังเหลือแต่ประชาชนในซูเปอร์โพลเท่านั้น
แม้ตอนนี้ยังแสดงออกไม่ได้ แต่เอาไว้คอยดูหลังโควิดจาง พลังแห่งความโกรธความไม่พอใจความเสียหายที่เกิดจากประชาชนไม่ได้ก่อ จะปะทุออกมาอย่างไร