เปิดโผ 5 หุ้นเจอศึกหนัก เซ่นผลกระทบมาตรการคุม “โควิด-19” รอบใหม่
เปิดโผ 5 หุ้นเจอศึกหนัก เซ่นผลกระทบมาตรการคุม "โควิด-19" รอบใหม่
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ม.ค.2563) ถึงหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังจาก นายกออก พรก. ฉุกเฉิน ควบคุมการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2564 ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกข้อกำหนดตาม พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 16) เนื่องจากการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ได้ขยายขอบเขตการแพร่ระบาดโรคเป็นวงกว้างกระจายในหลายพื้นที่ รัฐบาลจึงมีความจำเป็นที่ต้องกำหนดและบังคับใช้มาตรการต่างๆเพื่อเข้าแก้ไขและระงับการยับยั้งสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว จึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังนี้
1.ห้ามใช้อาคารหรือสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาที่ตั้งอยู่เขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด
2.ห้ามจัดกิจกรรมที่มาความเสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น ประชุม สัมมนา จัดเลี้ยง
3.ปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ปิดสถานบริการ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด
4.เงื่อนไขการเปิดดำเนินการ ในเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด ได้แก่
4.1 ร้านอาหารเปิดได้ตามปกติ แต่จัดระเบียบการใช้บริการ จำนวนผู้นั่งบริโภคในร้าน
4.2 ห้ามการบริโภคสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน
4.3 ห้างสรรพสินค้า, ศูนย์ประชุม, ร้านสะดวกซื้อ, ซุปเปอร์มาเก็ต เปิดทำการตามปกติ ภายใต้มาตรการป้องกันโรค
5.ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อเพิ่มเติมได้
6.งดหรือชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด เว้นแต่มีเหตุจำเป็นต้องแสดงหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่
7.ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการเอกชนพิจารณารูปแบบการปฏิบัติงานเพื่อลดจำนวนผู้ปฎิบัติงานและปริมาณการเดินทาง
8.ให้คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดเพิ่มเติมได้เพื่อความเหมาะสมต่อสถานการณ์ตามที่เห็นสมควร (ที่มา: ราชกิจจานุเบกษา)
Implication
ทั้งนี้ มองเป็นลบต่อตลาดหุ้นไทยจากการออก พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยคาดว่าราคาหุ้นที่จะตอบรับเป็น Sentiment เชิงลบมากได้แก่
( – ) AAV (คนเดินทางท่องเที่ยวลดลง)
( – ) MAJOR (จำนวนผู้เข้าชมภาพยนตร์ลดลง)
( – ) ERW (นักท่องเที่ยวลดลง)
( – ) AOT (คนเดินทางท่องเที่ยวลดลง)
( – ) BEM (ผู้โดยสารรถไฟฟ้าและผู้ใช้บริการทางด่วนลดลงจาก Work Form Home (WFH) และผู้ใช้บริการระมัดระวังการเดินทางมากขึ้น เพราะโรงเรียนหยุดขั้นต่ำถึงสิ้นเดือน ม.ค.)
ส่วนหุ้นที่จะตอบรับเชิงบวกมาก ได้แก่
( + ) STGT (ความต้องการถุงมือยางยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง)
( + ) KEX (สั่งสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น)
( + ) SYNEX (ความต้องการสินค้า IT รองรับ WFH และเรียน online เพิ่มขึ้น)
( + ) MEGA (มีการบริโภควิตามินมากขึ้น)