บทเรียนจากศพ ‘อินจัน’ทายท้าวิชามาร
ร่างรัฐธรรมนูญ 285 มาตรากลายเป็นขยะในพริบตา ส่งผลให้ฝาแฝดอินจัน “ตายคู่”
ร่างรัฐธรรมนูญ 285 มาตรากลายเป็นขยะในพริบตา ส่งผลให้ฝาแฝดอินจัน “ตายคู่”
ผมนั่งดูพร้อมกับกาง “โผ” ที่หลุดมาทางหนังสือพิมพ์มติชน พอโหวตได้แค่ 20 คนก็รู้แล้วว่าคว่ำ เพราะเป็นไปตามโผแทบไม่ผิดเพี้ยน การที่นายทหาร ข้าราชการระดับสูง “ไม่เห็นชอบ” โดยพร้อมเพรียง เด็กอมมือก็รู้ว่ามีหรือไม่มี “ใบสั่ง”
ช่วงเวลาที่เหลือผมเลยนั่งหัวเราะด้วยความสะใจ สมเพชแต่ไม่สงสาร 36 กรรมาธิการกับพวก สปช.ฝั่ง กปปส. พธม. นักวิชาการ สื่อ NGO ประชาสังคม ศิลปิน ที่ลงเรือลำเดียวกันพุ่งชนภูเขาน้ำแข็งด้วยความเร็วสูง ทั้งที่ “เรือแป๊ะ” รู้ตัวเบรกกะทันหัน ยอมถอยไปตั้งลำเพื่อวางเข็มใหม่
แน่ละ พวก “อดีต สปช.” ที่รับคงโวยวายว่ามีใบสั่ง บ้างก็หาว่า คสช.ต้องการอยู่ต่ออยู่นาน แต่สำหรับผม อันดับแรกก็ต้องขอ “ขอบคุณ(ถ้ามี)ใบสั่ง” อย่างน้อยก็ทำให้สนุกสนานสะใจ แม้รู้ว่าต้องอยู่กับ คสช.นานขึ้น แต่เมื่อเห็นพวกตะแบงตะบันเชียร์ร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย “เงิบ” ไปเป็นแถบๆ ก็รู้สึก “คืนความสุข” (อย่างสุดยอด) ขอบคุณหลายๆ
อันดับต่อมาต้องชื่นชมและมีความหวัง เพราะ(ถ้ามี)ใบสั่ง แสดงว่าผู้มีอำนาจยังมีสติ ไม่ดันทุรัง ยังฟังเสียงประชาชน พร้อมตะโกน “ไอ้เสือถอย” เมื่อเห็นว่าทางข้างหน้าจะนำไปสู่ความพินาศ เมื่อเห็นพรรคการเมืองแทบทุกพรรคคัดค้าน เมื่อเห็นชาวบ้านกรวดน้ำคว่ำขัน ก็เลยเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมเสียเอง
อ้าว จะปล่อยไปทำประชามติได้ไงละครับ ถูกคัดค้านมากขนาดนี้ ถ้าแพ้ประชามติเผลอๆ จะคว่ำทั้งกระดาน หรือถ้าชนะเฉียดฉิวเช่น 14 ต่อ 13 ล้าน เดินหน้าสู่เลือกตั้งก็อันตราย เสือตัวใหญ่รอขบหัวอยู่
อันที่จริงก็น่าสงสัยว่า คณะกรรมาธิการและท่าน “อดีต” ประธานบวรศักดิ์ อุวรรณโณ คงไม่ได้คิดระบอบโปลิตบูโรเองหรอก อาจจะมี “ใบสั่ง” แต่ทำไงได้ เมื่อยัดใส่มาแล้วสังคมไม่ยอมรับก็ต้องโยนทิ้ง พร้อมกับคณะกรรมาธิการชุด “ใช้แล้วทิ้ง”
แต่จะมาโวยอะไรล่ะ ในเมื่อเข้าไปอาสาเอง รวมทั้งพวก สปช.ที่รับร่างก็อย่าร้องว่าหลังหัก
ชั่งน้ำหนักแล้ว คว่ำรัฐธรรมนูญดีกว่าผ่าน แม้มีทั้งด้านบวกด้านลบ ก็ยังดีกว่าระบอบที่จะพันธนาการชั่วกัลปาวสานและจะเกิดการลุกฮือในอนาคต
เพียงแต่การกลับมา restart ก็มีปัญหา เป็น dilemma อีกด้านเช่นกัน อันดับแรกคือจากที่เห็นบันไดไปสู่เลือกตั้งก็ถอยหลังกลับสู่ความไม่แน่นอน ไม่ชัดเจน ทั้งวิถีทางและระยะเวลาลงจากหลังเสือ
ความไม่แน่นอนนี้จะเป็นแรงกดดันทั้งเศรษฐกิจการเมือง ทางเศรษฐกิจแม้มี “เทพสมคิด” แต่เมื่อไม่รู้กลับสู่เลือกตั้งเมื่อไหร่ กลับวิธีไหน เอาขาลงหรือเอาหัวลง ก็กระทบความเชื่อมั่นการลงทุนการใช้จ่าย ต่อให้ไม่มองโลกแง่ร้ายก็ต้องชะลอไว้ก่อน
ในทางการเมืองอย่าลืมว่าท่านกลับมา restart ในบรรยากาศและสถานการณ์ที่ต่างจาก ปีที่แล้วเยอะมาก การวิพากษ์วิจารณ์ การเคลื่อนไหว แสดงออกต่างๆ มัน “บาน” ไปอย่างยากจะกดให้ย้อนกลับ เช่นเดียวกับเสียงเรียกร้อง เร่งรัด คาดหวัง ที่กว้างไกล
บรรยากาศอย่างนี้จะให้รอร่างรัฐธรรมนูญอีก 6 เดือนไหวไหม จะให้ผู้คนกลับไปงดแสดงความคิดเห็นได้หรือ แค่เด็ก ม.5 ยกมือจะถามตามที่ท่านนายกฯ บอกให้ถาม แต่ชูป้ายด้วย ก็โดนหิ้วออกไป
อยู่ในสถานการณ์นี้ก็ล่อแหลมอยู่ดีเหมือนกัน
ใบตองแห้ง