ขีดจำกัดของขาขึ้น
แล้วสถานการณ์ที่ทำให้มุมมอง “โลกสวย” ของนักลงทุนในตลาดหุ้นและนักวิเคราะห์ก็ถูกเบรกกะทันหันเมื่อตลาดเริ่มแปรเปลี่ยนไปจากปัจจัยลบที่เริ่มโผล่ออกมาเป็นชุด
พลวัตปี 2021 : วิษณุ โชลิตกุล
แล้วสถานการณ์ที่ทำให้มุมมอง “โลกสวย” ของนักลงทุนในตลาดหุ้นและนักวิเคราะห์ก็ถูกเบรกกะทันหันเมื่อตลาดเริ่มแปรเปลี่ยนไปจากปัจจัยลบที่เริ่มโผล่ออกมาเป็นชุด
ข้อดีคือช่วยเตือนสติของนักลงทุนว่า ขีดจำกัดของการเก็งกำไรอยู่ที่ตรงไหน และช่วยแยกแยะให้เห็นว่าทองคำแท้ และทองคำปลอมต่างกันอย่างไร
ราคาทองคำผันผวนหนักอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ร่วง 78.20 ดอลล์/ออนซ์ เหตุเพราะบอนด์ยีลด์พุ่ง-ดอลล์แข็งทุบราคา ในขณะที่เงินดิจิทัลบิทคอยน์ราคาพุ่งสู่จุดนิวไฮใหม่จากแรงซื้อหนุนเนื่อง
การดีดตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ อายุ 10 ปี หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์วอลล์สตรีท ระบุว่า นักลงทุนหันเข้าซื้อพันธบัตร ขณะที่เทขายทองในการปรับพอร์ตการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำด้วยเพราะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสด
เช่นเดียวกัน เงินดิจิทัล บิทคอยน์ เมื่อวานนี้ก็ร่วงแรงสุดเหวี่ยงมากถึง 3.85 พันดอลลาร์ หลังจากทำนิวไฮในประวัติการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่ระดับเหนือกว่า 40,000 ดอลลาร์สหรัฐไปแล้ว
ในขณะเดียวกัน ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลบ 38.61 จุด จากวิตกข้อพิพาทจีน-สหรัฐฯ, ยอดโควิดในจีนพุ่งจนจีนต้องออกมาตรการเข้มงวดล็อกดาวน์ครั้งใหม่ เพราะเกรงว่าการแพร่ระบาดจะกลับมารุนแรงจากการเดินทางของผู้คนนับร้อยล้านคนในช่วงตรุษจีนที่จะมาถึงต้นเดือนหน้า
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงวันนี้ว่า ณ วันอาทิตย์ที่ 10 ม.ค. จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 103 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อในประเทศ 85 ราย ส่วนที่เหลือเป็นผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ
ตัวเลขดังกล่าวนับเป็นการพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่มากที่สุดในรอบกว่า 5 เดือน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในมณฑลเหอเป่ยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ามาตรการเข้มข้นจะออกมาในเร็ววัน ก่อนตรุษจีนที่จะมาเยือนแน่นอน แม้ว่าวานนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.1% นอกจากนี้ ดัชนี CPI เดือนธ.ค. ยังส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวของตัวเลขเงินเฟ้อจีน หลังจากที่ปรับตัวลง 0.5% ในเดือนพ.ย.
ส่วนดัชนี CPI ตลอดปี 2563 ปรับตัวขึ้น 2.5% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากช่วง 11 เดือนแรกของปี 2563 ที่มีการขยายตัว 2.7%
สำหรับตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET เริ่มส่งสัญญาณชัดเจนว่าขีดจำกัดขาขึ้น ไม่น่าจะผ่านแนวต้านที่ระดับ 1,540 จุดได้ เนื่องจากธุรกิจหลักทางด้านบริการน่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสอง
ล่าสุด นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 รอบใหม่ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 63 เป็นต้นมา ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารในประเทศเดือน ธ.ค. 63 มาอยู่ที่ 3.4 ล้านคน/เดือน ลดลงจากเดือน พ.ย.ที่มีจำนวนผู้โดยสาร 3.8 ล้านคน/เดือน หรือ 1.2 แสนคน/วัน และในช่วง 1-10 มกราคม ผู้โดยสารหดตัวลงเหลือ 2.6 หมื่น/วัน ลดลง 84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดว่าจะเห็นผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปลายเดือนนี้ เนื่องจากขณะนี้ตัวเลขยังไม่นิ่ง
นายนิตินัย คาดว่าผลประกอบการในงวดปี 64 (ต.ค. 63-ก.ย. 64) จะมีผลขาดทุนจำนวนมาก ต่างจากปี 63 ที่ยังมีกำไรอยู่บ้างเพราะในช่วง 4 เดือนแรกของงวด (ต.ค. 62-ม.ค. 63) ยังไม่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด แต่ในงวดปี 64 แม้จะกลับมาทำการการบินในประเทศได้แต่ก็ยังมีรายได้น้อย และยิ่งมีการระบาดในประเทศอีกรอบก็ทำให้รายได้น้อยลงอีก
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงคาดว่าการบินต่างประเทศจะกลับมาได้ในเดือน ต.ค. 64 ซึ่งจะเริ่มในงวดปี 65 (ต.ค. 64-ก.ย. 65) แต่เชื่อว่าคงยังทำการบินได้ไม่สมบูรณ์นัก เป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะถึงแม้จะมีวัคซีนต้านโควิด-19 แล้วแต่คงยังฉีดได้ไม่ครบทั้งหมด
ในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ความกังวลในเรื่องการเข้มงวดสินเชื่อของธนาคารเจ้าหนี้ ในระยะสั้นที่มีแนวโน้มปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เนื่องจากธนาคารมีปัญหาตัวเลขหนี้เสียเพิ่มขึ้น ยังมีความกังวลระยะยาวว่า กำลังซื้อของลูกค้าทั้งระบบที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาด ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารจัดการเศรษฐกิจรวมของประเทศว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจและกำลังซื้อได้เร็วช้าและมากน้อยแค่ไหน
ปัญหาการสินเชื่อและกำลังซื้อที่หดหายไป ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ที่ตามปกติจะสำรองเงินสดไว้ทำธุรกิจในฐานเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งถ้าเป็นบริษัทขนาดกลางขนาดเล็ก จะสำรองเงินสดประมาณ 3 เดือน หรือ 6 เดือน จากปีที่แล้วที่หยุดชะงัก “ล็อกดาวน์” กันตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ถึงกลาง ๆ ปีสถานการณ์ค่อยคลี่คลายขยับตัวกันได้
ประเด็นสำคัญคือจากนี้ไปหากว่า เงินสดสำรองมาตรฐานของแต่ละกิจการหมดเกลี้ยงกันแล้ว ที่ควักมาต่อจากนั้นก็จะเป็นเงินทุนเก่าเก็บ เงินส่วนตัว และเงินกู้จากธนาคารสำหรับรายที่ยังมีเครดิตกับสถาบันการเงิน น่าจะทำให้โอกาสทำกำไรลดฮวบฮาบลงมาก
สำหรับ ธุรกิจท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด มีการปรับตัว ลดต้นทุนจนถึงที่สุดไปแล้ว แต่จากนี้ไป ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว พัทยา ภูเก็ต และที่อื่น ๆ ปรับตัวรับนักท่องเที่ยวไทยจากในประเทศ เพราะเหตุที่คนไทยระดับชนชั้นกลางและสูงที่มีกำลังซื้อ จะเริ่มอึดอัดกับการถูกจำกัดบริเวณมานาน และเริ่มรู้สึกมากขึ้นว่า ที่เคยเสมือนคนดำน้ำมาจนจะหมดอึดใจหมดแรง และมีความหวังกำลังจะโผล่ขึ้นผิวน้ำ แต่แล้วก็ถูกมือสกปรกมากดหัวลงไปในน้ำอีก จะแปรเปลี่ยนเป็นแรงกดดันให้ไม่พอใจกับมาตรการ “ฝนตกไม่ทั่วฟ้า” ของรัฐบาลมากขึ้น
สถานการณ์ที่บานปลายจนเกิดปัจจัยลบมากขึ้นน่าจะกดดันให้ตลาดหุ้นและราคาหุ้นอาจจะถึงขั้นพักฐานหรือปรับฐานครั้งใหญ่ได้
เพียงแต่ราคาหุ้นบางส่วนที่จะร่วงลงมา จะเข้าข่าย Bobson Break เพื่อเข้าซื้อครั้งใหม่ หรือทุบทิ้ง ก็ขึ้นกับอารมณ์คุณตลาดเป็นสำคัญ