SET เสี่ยงลงต่อ คว่ำร่าง รธน. กดดันเล็กน้อยชู 11 หุ้นเด่น เน้นรับผลดีมาตรการกระตุ้นศก.

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค ขณะที่ภายหลังการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ลงมติให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ คาดส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขาดความมั่นใจต่อเสถียรภาพการเมืองไทย แต่แรงขายของต่างชาติน่าจะมีไม่มาก แนะจับตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องที่คาดในครั้งนี้เน้นกลุ่มธุรกิจ SME และมีความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาฯ ในระยะถัดไป


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.19 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.94 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง เนื่องจากเงินเยนที่แข็งค่าได้ฉุดตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลง ขณะเดียวกันนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค ขณะที่ภายหลังการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ลงมติให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ คาดส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขาดความมั่นใจต่อเสถียรภาพการเมืองไทย แต่แรงขายของต่างชาติน่าจะมีไม่มาก แนะจับตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องที่คาดในครั้งนี้เน้นกลุ่มธุรกิจ SME และมีความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาฯ ในระยะถัดไป

หุ้นเด่นเลือก CENTEL-CK-STEC-SEAFCO-DELTA-SVI-KCE-SPALI-AP-IFEC และ SAMART

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ก.ย.) ว่าประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้รัฐบาลเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือ SME  รวมถึงแนวโน้มการออกมาตรการทางภาษีช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจซื้อขายรถมือสอง

ส่วนประเด็นการไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้การเลือกตั้งใหม่จะล่าช้าไปถึงกลางปี 60 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขาดความมั่นใจต่อเสถียรภาพการเมืองไทย แต่แรงขายของต่างชาติน่าจะมีไม่มากเนื่องจากได้ทยอยลดการลงทุนตลาดหุ้นไทยมาตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

กลยุทธ์การลงทุน วาง Filter แนวรับที่ 1,360 จุด แนวต้าน 1,380 จุด ประเมินดัชนียัง Sideway เพื่อรอความชัดเจนทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในสัปดาห์หน้า แนะนำซื้อลงทุน KBANK,TMB ( +มาตรการช่วย SME ) / BIGC , HMPRO ( +มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก)

 

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ก.ย.) ว่าทิศทางตลาดยังมีความผันผวน คาดมีโอกาสปรับลดลง ภายใต้ปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ข้างต้น แสดงให้เห็นถึงภาพรวมที่ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงาน ซึ่งคาดเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญของเฟดในการประเมินตลาดแรงงาน ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายช่วงกลางเดือนนี้ หรือจะชะลอเวลาออกไป และทำให้เกิดความกังวลจากความไม่ แน่นอนดังกล่าว

ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ คาดยังได้รับปัจจัยลบจาก (1) Fund Flow หลังล่าสุดต่างชาติขายสุทธิอีกกว่า 1,200 ล้านบาท และทำให้ยอดขายสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้นสูงเกือบ 89,000 ล้านบาท (2) ประเด็นทางการเมือง หลัง สปช. มีมติไม่รับร่าง รธน. ทำให้ต้องมีการร่าง รธน. ใหม่ ในระยะเวลา 180 วัน (ประมาณ มี.ค. 59) คาดส่งผลให้การเลือกตั้งที่คาดเกิดขึ้นในปี 59 (ตาม Road Map) ต้องเลื่อนออกไปคาดเป็นปี 60 และ (3) ความผันผวนของราคาน้ำมัน ซึ่งมีผล +/- ต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน

ขณะที่แนะจับตามมาตรการกระต้นุ เศรษฐกิจต่อเนื่อง ที่คาดในครั้งนี้เน้นกลุ่มธุรกิจ SME โดยคาดจะมีการนำเข้าครม. ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดเป็น Sentiment บวกต่อภาพรวมตลาดฯ ในระยะสั้น-กลาง ส่วนสถานการณ์การท่องเที่ยวเริ่มมีแนวโน้มทรงตัวได้และเป็นโอกาสใน การสะสมหุ้น เช่น กลุ่มโรงแรม (CENTEL) และหุ้นกลุ่มสายการบิน (เช่น AAV, BA) เป็นต้น

หุ้นแนะนำ : CENTEL

 

บล.ธนชาติ ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ก.ย.) ว่า Dow Jones ปรับลดลง -1.66% จากความกังวลต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม Fed วันที่ 16-17 ก.ย.นี้ หลังตัวเลขการว่างงานลดลงเหลือ 5.1% (คาด 5.2%)

ขณะที่ สปช.มีมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ตั้ง กมธ.ใหม่ (30 วัน) เพื่อร่างรัฐธรรมนูญ (180 วัน) และประชามติ 45 วัน (รวม 8-9 เดือน) และคาดเลือกตั้งไตรมาส 2/60 ทำให้ SET มีแนวโน้มอยู่ในช่วงการ “พักฐาน” ย่อยต่อด้วยแนวรับ 1,362/1,350 จุด

แนะนำ “ซื้อ” DELTA-SVI และ KCE (Initiate ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 70 บาท) หลังเงินบาทอ่อนค่าจากทั้งโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ และการเลือกตั้งล่าช้า อีกทั้ง “ซื้อ” Infrastructure Plays อย่าง CK-STEC-SEAFCO โครงการลงทุนภาครัฐฯ จะมีเสถียรภาพต่อไปอีก 1.5 ปีเป็นอย่างน้อย และยังเป็นเครื่องมือหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ก.ย.) ว่า SET วันจันทร์ลบกรอบจำกัด ภาครวมตลาดยังสับสนต่อเวลาการขึ้นดอกเบี้ยเฟด หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐ ส.ค. +1.73 แสนคน ต่ำกว่าคาด แต่อัตราว่างงานลดลงสู่ 5.1% เช่นกัน

ขณะที่การคว่ำร่างรัฐธรรมนูญโดยสปช.วานนี้ อาจส่งผลให้ต่างชาติบางส่วนที่ระมัดระวังต่อปัจจัยการเมืองยังไม่กลับเข้า SET

อย่างไรก็ตามแรงซื้อจากในประเทศเพื่อเก็งกำไรมาตรการของรัฐบาลจะจำกัดทางลง ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ ครม.จะพิจารณามาตรการ 1.04 แสนล้าน ช่วย SME และมีความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาฯ ในระยะถัดไป แนะเก็งกำไรช่วงย่อ เน้นหุ้นได้รับประโยชน์จากนโยบายรัฐ หุ้นเด่นวันนี้ตามปัจจัยพื้นฐาน เก็งกำไรกลุ่มอสังหาฯ (SPALI-AP) อ่อนตัวสะสม IFEC-SAMART

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ก.ย.) ว่ามุมมองทางเทคนิค –  SET เมื่อวันก่อนปรับลงและดีดตัวจากจุดต่ำสุดเล็กน้อย แต่ยังได้แรงหนุนของแนวรับ 1,350 และ 1,360 จุด และไต่ระดับ MA10 ซึ่งยังแสดงภาพของการเป็นแนวโน้มขึ้นระยะสั้นได้อยู่ ขณะที่ MACD อยู่ที่ -9.46 ซึ่งลบลดลงและเหนือ signal line แสดงให้เห็นว่าภาพระยะสั้นยังแสดงภาพขาขึ้นต่อเนื่อง

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,360-1,390 หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไรที่กรอบแนวรับ-แนวต้าน         

หุ้นที่น่าสนใจ EVER-APCS

Back to top button