1,520 จุดเซตเกม
*ทุกครั้งที่ดัชนีมีการย่อตัวลงมาเรื่อย ๆ เพราะนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ กำลังปรับพอร์ตเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน “โมนิก้า” มักหยิบยกเรื่องแนวรับสำคัญมาเล่าให้ฟังเป็นประจำ พร้อมกับพูดถึงปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่แฟนคลับจะต้องพบเจอ จึงอยากให้ทุกคนสนใจเรื่องราวในส่วนนี้มากหน่อย เพราะเป็นตัวแปรเดียวที่ช่วยให้นักเล่นมองเห็นภาพการเคลื่อนตัวในอนาคตได้ชัดขึ้นพะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ทุกครั้งที่ดัชนีมีการย่อตัวลงมาเรื่อย ๆ เพราะนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ กำลังปรับพอร์ตเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน “โมนิก้า” มักหยิบยกเรื่องแนวรับสำคัญมาเล่าให้ฟังเป็นประจำ พร้อมกับพูดถึงปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่แฟนคลับจะต้องพบเจอ จึงอยากให้ทุกคนสนใจเรื่องราวในส่วนนี้มากหน่อย เพราะเป็นตัวแปรเดียวที่ช่วยให้นักเล่นมองเห็นภาพการเคลื่อนตัวในอนาคตได้ชัดขึ้นพะยะค่ะ
*โดยเฉพาะเส้นแนวรับ 10 วันที่บริเวณ 1,520 จุด ถือเป็นจุดแรกที่นักเล่นต้องชั่งใจให้ดีว่า กล้าเข้าไปรับหุ้นหรือเปล่า ? เพราะแนวรับนี้กำลังถูกทดสอบอย่างหนักหน่วง หากเอาไม่อยู่จะไหลลงไปหาเส้นแนวรับ 25 วันบริเวณ 1,480 จุด ซึ่งเป็นจุดที่เดี๊ยนมองว่า เริ่มปลอดภัยในระดับหนึ่ง และสามารถทยอยเก็บหุ้นได้เปลาะหนึ่ง เพราะตัวเลขกำไรในไตรมาส 4 ปี 63 จะช่วยประคองดัชนี (ภายใต้เงื่อนไขกำไรฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง) นะจ๊ะ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้เดี๊ยนมองการทรุดตัวของดัชนีลงมาปิดที่ 1,519.13 จุด ลบไป 16.85 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.01 แสนล้านบาท น่าจะเป็นภาพสะท้อนความกังวลที่มีต่อโอกาสขึ้นของดัชนีเริ่มตีบตัน จึงต้องขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงในระดับหนึ่งออกมาก่อน ต่อจากนั้นจะเริ่มมองหาโอกาสในการเข้าลงทุนรอบใหม่ ซึ่งจะเป็นการเปิดเวทีให้กับหุ้นแถวสองขึ้นมาโชว์เพาเวอร์อย่างเต็มที่นะคะ
*สุดจัดปลัดบอกของจริงต้องมองไปที่หุ้น NER ภายใต้การกุมบังเหียนของ “เสี่ยชู” เป็นรายแรกของการเสวนาในครั้งนี้ เพราะการขึ้นเที่ยวนี้มาพร้อมกับกำไรโตของจริง ราคายางขึ้นจริง กองทุนว้อนต์จริง “โมนิก้า” เลยไม่ต้องเล่าเรื่องราวอะไรให้ฟังมากมาย เพราะการยืนปิดที่ 4.92 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.81 พันล้านบาท พ่วงด้วยการขึ้นติดท็อปเท็นในกระดาน Most Active มันมีความหมายในตัวอยู่แล้วจ้า !
*เช่นเดียวกับในรายของ PTG ทะยานขึ้นมาปิดที่ 17.20 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.30 ล้านบาท ก็รับอานิสงส์จากราคาปาล์มที่ทะยานขึ้นเต็ม ๆ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการใช้น้ำมัน B10 ก็เป็นตัวเร่งให้ผลงานของบริษัทออกมาดี “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่กองทุนหวนกลับมาไล่หุ้นอีกครั้ง เพราะเที่ยวก่อนก็เล่นรอบกันไปมาที่บริเวณ 18-20 บาทเป็นเวลาร่วมครึ่งปีนะซี
*ส่วนรายที่เริ่มคัมแบ็กอย่างหุ้น UV กลายเป็นช็อตที่ทำให้ “โมนิก้า” หันมาสนใจมากขึ้น เพราะการขึ้นมาปิดที่ 3.58 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 4.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 211 ล้านบาท มาพร้อมกับความคาดหวังกำไรโต รวมทั้งมีสตอรี่เกี่ยวกับไฟฟ้าเข้ามาบิลต์อารมณ์ บรรดากองเชียร์ถึงยกโขยงไล่ราคาหุ้นแบบสุดติ่ง จนทำให้เชื่อว่า การวิ่งขึ้นไปเท่ากับบุ๊กแวลูบริเวณ 4.80 บาทคงไม่ใช่เรื่องยากนะนายจ๋า !
*ในเมื่อเม้าท์ถึงเรื่องยากขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงหุ้นท่ายากอย่าง NCAP เพื่อชี้ให้เห็นโอกาสที่จะไปต่อยาก ! เพราะราคาหุ้นขึ้นมาเต็มแม็กแล้ว แถมสตอรี่ที่จะทำให้กำไรโตก็เลือนรางเสียเหลือเกิน เดี๊ยนถึงมองราคาปิดที่ 6.35 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 235 ล้านบาท ไม่คุ้มกับการเอาตัวเข้าไปแลกเลยจริง ๆ ไม่เชื่อลองถามกูรูสายพื้นฐานดูก็ได้เจ้าค่ะ
*เรื่องข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเชื่อมโยงไปหาหุ้น SGF เพื่อบอกเล่าถึงสตอรี่ที่นักเล่นพากันปั่นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 0.91 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 8.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103 ล้านบาท มันเกิดจากอะไรกันแน่ ? เพราะเท่าที่เห็นจากงบการเงิน และธุรกิจทุกภาคส่วนในช่วงที่โควิดระบาดระลอกใหม่ ไม่มีตัวแปรไหนที่บอกให้รู้ว่า หุ้นตัวนี้จะไปสวย ๆ ยกเว้นมุมของหุ้นต่ำบุ๊กเพียงมุมเดียว จึงขอเตือนพวกอ่อนหัดอย่าริอาจไปยุ่งกับหุ้นร้อนตัวนี้นะคะ
*ในมุมเดียวกัน “โมนิก้า” มองว่า ถ้าคิดจะลุยหุ้นร้อนกันทั้งที ก็ควรลุยอย่างมีคลาส และตัวที่อยากจะเม้าท์ถึงมากสุดกลายเป็น WIIK เพราะทำผลงานในปีที่ผ่านมาได้อย่างยอดเยี่ยม บวกกับราคาหุ้นในกระดานยังต่ำบุ๊ก เดี๊ยนเลยมองการปิดที่ 2.52 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 98 ล้านบาท น่าจะเป็นโอกาสของการเล่น และหุ้นมีสิทธิ์วิ่งกลับไปแถว 3 บาทได้สบาย ๆ เพราะพี/อียังอยู่ในระดับ 17 เท่าเองจ้า !