พาราสาวะถี

อรชุน

เป็นการแจกแจงตามหน้าที่จริง ๆ สำหรับโฆษกกองทัพบก พลโทสันติพงศ์ ธรรมปิยะ เกี่ยวกับกรณีฝ่ายการเมืองจี้กองทัพบกให้ตัดงบการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ในปี 2565 วงเงินรวมกว่า 6,152 ล้านบาท และนำไปเยียวยาประชาชน โดยตอบเชิงหลักการว่า ในการจัดทำงบประมาณแต่ละปีจะมีคณะกรรมการพิจารณาถึงความเหมาะสม รวมไปถึงเมื่อเข้าสู่อนุกรรมาธิการก็จะมีการไปชี้แจงถึงความจำเป็น ดังนั้น การจะตัดงบในส่วนใดบ้างก็เป็นไปตามขั้นตอน

เมื่อนักข่าวถามย้ำถึงการเสียสละว่า กองทัพจะมีการทบทวนตัดงบในส่วนนี้ไปช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือไม่ คำตอบที่ได้คือ เป็นเรื่องที่กองทัพและรัฐบาลต้องหารือกัน แต่ตอนนี้ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ไม่ต่างกันกับเมื่อถูกถามถึงความคืบหน้าการปฏิรูปกองทัพหลัง “บิ๊กแดง” พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบกเคยประกาศไว้ตั้งแต่เหตุกราดยิงที่โคราช ก็อ้างว่าเป็นเรื่องของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเป็นผู้ดำเนินการ

ถ้าจำกันได้บิ๊กแดงคนนั้นเคยประกาศว่าจะต้องปฏิรูปให้จบในยุคที่ตัวเองนั่งเป็นผบ.ทบ. แต่วันนี้เกษียณไปแล้วเกือบครึ่งปี ยังไร้วี่แววความคืบหน้า โดยเฉพาะเรื่องสำคัญการจัดสรรที่อยู่อาศัยให้กับทหารชั้นผู้น้อยและการขจัดธุรกิจในกองทัพ ฟังคำตอบจากโฆษกทบ.แล้วคงวังเวงกันไปตามระเบียบ ก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการเป็นผู้ดำเนินการเช่นกัน แสดงว่าไร้ความคืบหน้าหรือพูดให้ชัดคือ จะไม่มีการปฏิรูปใด ๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

เรื่องของธุรกิจในกองทัพ ไม่รู้ว่าหมายรวมไปถึงต่อกรณีที่เป็นปัญหาตัวการแพร่เชื้อโควิด-19 ในเวลานี้อย่างกรณีแรงงานลักลอบและบ่อนพนันด้วยหรือไม่ อย่าอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะตั้งแต่หลังการรัฐประหารพฤษภาคม 2557 แทบจะทุกแวดวงที่เกี่ยวข้องกับเม็ดเงินสีดำ ล้วนแล้วแต่มีตัวละครที่เกี่ยวข้องกับแวดวงคนมีสีเข้าไปพัวพันด้วยทุกครั้ง ปมโรงฮิงญาที่เป็นปัญหาจนนายทหารระดับสูงถูกตัดสินดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ถือเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจน

ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ มันจึงเป็นที่มาของภาวะน้ำท่วมปากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ การตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาไล่สางปัญหาต่าง ๆ ตั้งแต่ปมบอส กระทิงแดง จนกระทั่งมาถึงเรื่องบ่อนและแรงงานเถื่อนนั้น ด้านหนึ่งสะท้อนว่าท่านผู้นำไม่ไว้วางใจกลไกของภาครัฐที่ตัวเองกำกับดูแลอยู่ ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจก็ตาม อีกด้านเป็นเรื่องของการยื้อซื้อเวลา กว่าจะได้บทสรุปออกมาสถานการณ์บีบคั้นหรือกระแสกดดันต่อเรื่องดังกล่าวก็ซาไปแล้ว

เชื่อได้เลยว่าประเด็นงบประมาณกองทัพ เมื่อนักข่าวไปถามกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ นอกจากจะไม่ได้คำตอบกลับมาแล้ว ยังจะถูกวีนเป็นของแถมด้วย ประมาณว่ามันคนละเรื่องกันอย่านำมาพันกันทั้งหมดจะแก้ไขปัญหาอะไรก็ได้ กองทัพเสียสละ ทหารประจำชายแดน จำเป็นต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยใช้ป้องกันตัวเองและประเทศชาติ ส่วนเรื่องโควิด-19 การเยียวยาประชาชนรัฐบาลมีเงินเพียงพอที่จะดูแลอยู่แล้ว ขออย่านำมาเกี่ยวข้องกันมันจะไปไม่ได้ทั้งหมด

คำพูดของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเวลานี้ คนส่วนใหญ่แทบจะไม่ต้องรอฟัง เพราะจะวนเวียนแต่สิ่งเดิม ๆ เท่านั้น ยังมีเรื่องของงบประมาณในการไปจัดซื้อและติดตั้งโซลาร์เซลล์ในพื้นที่ 5 หมู่บ้านของอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ที่ดำเนินการโดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือกอ.รมน.ในราคา 45 ล้านบาทที่ถูกเสียงวิจารณ์ว่าแพงเกินไปหรือไม่ หลังจากที่ยูทูปเบอร์ชื่อดังได้ซื้อไปบริจาคให้เด็กในพื้นที่เดียวกันแต่ราคาถูกกว่ามาก

เรื่องดังกล่าวนั้น มีแค่การออกมาปฏิเสธโดยทีมโฆษกกอ.รมน. พร้อมย้ำว่าทุกอย่างถูกต้องและเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ได้จัดซื้อแพงเกินจริงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตจาก นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา แม้จะถูกมองว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับรัฐบาล แต่ด้วยความที่คุณหมอเป็นผู้บุกเบิกนำแผงโซลาร์เซลล์ มาใช้เพื่อเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานทดแทนที่ใช้ในโรงพยาบาลเป็นผลสำเร็จตั้งแต่ปี 2560

ขณะนี้ก็ยังรณรงค์ให้มีการจัดหาแผงโซลาร์เซลล์มาติดตั้งเพื่อเป็นแหล่งพลังงานสะอาดในโรงพยาบาลทั่วประเทศด้วยอีกต่างหาก จึงน่าจะเป็นผู้ที่รู้เรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี โดยที่หมอสุภัทรเองก็ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ทักท้วงมาจากตัวเองเพียงผู้เดียว หากแต่เป็นการเปรียบเทียบข้อมูลมาจากเพื่อนทีมบริษัทโซลาร์เซลล์ที่รู้จักกัน โดยแยกวิธีการคำนวณอย่างละเอียด พร้อมกับบอกด้วยว่ารายการเดินสายไฟเข้าหมู่บ้าน ปักเสาไฟ อันนี้มีรายละเอียดไม่พอจึงไม่ได้นำมาคำนวณ

แต่แม้จะไม่มีรายการดังกล่าว เอาแค่ราคาส่วนสำคัญในการติดตั้งโซลาร์เซลล์มาคำนวณนั้น บทสรุปที่ได้คือ ถึงราคาบนดอยจะแพงกว่าปกติจากความยากของงานบ้างก็พอรับได้ แต่นี่แพงกว่าเป็นเท่าตัวจากราคาที่ผู้รับเหมาทั่วไปทำได้ อันนี้เกินไป โดยหมอสุภัทรบอกว่าเกิดอะไรขึ้นตนไม่รู้ หากมองโลกในแง่ดีอาจไม่ใช่การทุจริตแต่อาจเป็นเพราะระบบไม่ดี กองทุนอนุรักษ์พลังงานกำหนดราคากลางหรือการรับรองโครงการที่ไม่รัดกุม หรืองานนี้ทำยากมาก ๆ แต่ถ้ายากมากโซลาร์เซลล์ยูทูปเบอร์ดังคงไม่ใช่ราคาห้าแสนแน่ ๆ

แน่นอนว่า กรณีเช่นนี้สังคมต้องการคำตอบและคำอธิบายที่ชัดเจน เพราะผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจย้ำมาโดยตลอดว่าทุกกระบวนการและการใช้จ่ายงบประมาณจะต้องโปร่งใส ตรวจสอบและชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบจนหมดข้อสงสัย ดังนั้น จึงไม่ใช่แค่หน่วยงานที่รับผิดชอบออกมาอธิบายแล้วก็จบ ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องรื้อระบบให้โปร่งใส ไม่ใช่งุบงิบหรือเลี่ยงการตรวจสอบเหมือนยุคเผด็จการคสช.เรืองอำนาจ ในยามที่ประชาชนทุกยาก ประเทศชาติได้รับผลกระทบรุนแรงเวลานี้ การประหยัดภาษีประชาชนเป็นเรื่องที่สมควรต้องทำให้เห็นเป็นอย่างยิ่ง