SFT วิ่งต่อ 3% โบรกฯแนะ “ซื้อ” ชี้กำไรไตรมาส 4/63 โตรับคำสั่งซื้อพุ่ง!
SFT วิ่งต่อ 3% โบรกฯแนะ “ซื้อ” ชี้กำไรไตรมาส 4/63 โตรับคำสั่งซื้อพุ่ง!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT ณ เวลา 11.02 น. อยู่ที่ระดับ 4.52 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 2.73% สูงสุดที่ระดับ 4.56 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.44 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19.09 ล้านบาท
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ คาดกำไรปกติไตรมาส 4/63 ของ SFT ที่ 23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากไตรมาสก่อน, เพิ่มขึ้น 118.7% จากปีก่อน หนุนจากรายได้ที่คาดเพิ่มขึ้น 2.4% จากไตรมาสก่อน, เพิ่มขึ้น 30.5% จากปีก่อน ตามคำสั่งซื้อที่ยังเติบโตจากอานิสงส์ของลูกค้ากลุ่มเครื่องดื่มมีการออกสินค้าใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ค่อนข้างมาก
ขณะที่ฝั่งต้นทุนคาดยังสามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามจากราคาน้ำมันดิบที่ทยอยขยับขึ้นในไตรมาส 4/63 ซึ่งอาจส่งผลบางส่วนต่อต้นทุนฟิล์มหดรัดรูป ทำให้คาดการ Gross Margin อย่าง Conservative ที่ 28.5% ชะลอเล็กน้อยจาก 29% ในไตรมาส 3/63 แต่ดีขึ้นอย่างชัดเจนจาก 18.4% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A คาดทรงตัวในระดับ 12.5% ของรายได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/62 หากกำไรไตรมาส 4/63 ออกมาตามคาดจะทำให้กำไรปกติปี 2563 จบที่ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.8% จากปีก่อน ดีกว่าคาดการณ์เดิมเล็กน้อย
ทั้งนี้ ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางผลการดำเนินงานของ SFT ในช่วง 2 ปีข้างหน้าที่ คาดยังโตประเมินกำไรปี 2564-65 โตเฉลี่ยราว 20% ต่อปี โดยคาดว่า SFT จะได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะชานมไต้หวันของ TKN ที่จ้าง Tofusan ผลิต ซึ่งเป็นลูกค้าเดิมของ SFT เดิมอยู่แล้ว
ขณะที่ลูกค้าหลักอีกรายอย่าง ICHI ที่เร่งขยายธุรกิจ Functional Drink และจะเริ่มผลิตเครื่องดื่มสำหรับลูกค้า OEM 2 รายตั้งแต่ไตรมาส 1/64 คาดมีโอกาสที่ SFT จะได้รับคำสั่งซื้อเช่นกัน ส่วนต้นทุนฟิล์มหดรัดรูปคาดยังไม่ได้ปรับขึ้นแรงเนื่องจากฟิล์ม PET ยัง Oversupply ส่วน PVC ราคาค่อนข้างนิ่ง จึงคาดไม่มีแรงกดดันด้าน Margin รวมถึงยังได้อานิสงส์จาก Operating Leverage ส่วนการเติบโตระยะยาวถูกรองรับด้วยโรงงานใหม่ที่จะเริ่มเปิดดำเนินงานปี 2565 ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Capacity ได้ราว 40-60% จากปัจจุบัน
ด้านราคาหุ้น SFT ปรับตัวขึ้นแรงทะลุราคาเป้าหมายที่ 5 บาท (อิง PER 23 เท่า) ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. 63 อย่างไรก็ตามระยะหลังราคาเริ่มมีการทยอยปรับฐานลงทำให้ Upside กลับมาเปิดกว้างกว่า 10% อีกครั้ง จึงมองเป็นจังหวะที่ดีในการเข้า “ซื้อ” เก็งผลประกอบการไตรมาส 4/63 ที่แข็งแกร่งและเป็นหนึ่งในหุ้นขนาดเล็กที่เราชื่นชอบจากแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นต่อเนื่องในปีนี้