KBANK บวก 4% ลุ้นกำไรปีนี้ฟื้นตัวเด่น รับยอดปล่อยสินเชื่อโต

KBANK บวก 4% ลุ้นกำไรปีนี้ฟื้นตัวเด่น รับยอดปล่อยสินเชื่อโต


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ล่าสุด ณ เวลา 14.53 น. อยู่ที่ระดับ 127 บาท ปรับตัวขึ้น 4.50 บาท หรือ 3.67% สูงสุดที่ระดับ 128 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 124 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.37 พันล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสวนภาวะตลาดโดยรวมที่ยังอยู่ในแดนลบ

ทั้งนี้ นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า เป้าหมายของ KBANK ที่ประกาศออกมาถือว่ามีความท้าทายและต้องติดตามการดำเนินงานของธนาคารต่อเนื่อง ซึ่งมีความน่าสนใจว่าธนาคารจะมีแนวทางในการดำเนินกลยุทธ์อย่างไร โดยเฉพาะการเติบโตของสินเชื่อที่ตั้งเป้าโต 4-6% ซึ่งสวนทางกับที่ประเมินไว้ว่าจะติดลบ 4.5% จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว และได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้การดำเนินกลยุทธ์เพื่อทำให้สินเชื่อเติบโตขึ้นค่อนข้างมีความท้าทาย

สำหรับการฟื้นตัวขึ้นของสินเชื่อจะส่งผลต่อแนวโน้มการปรับประมาณการกำไรของธนาคารเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่ายังมีแนวโน้มลดลงจากปีก่อน ทำให้ KBANK กลับมาเป็นหุ้นกลุ่มธนาคารที่มีความน่าสนใจ และเป็นธนาคารที่สามาถปรับกลยุทธ์ให้ผลงานฟื้นตัวกลับมาได้อย่างเร็ว ซึ่งหากมีการปรับประมาณการกำไรพลิกกลับมาเติบโตขึ้น ก็จะส่งผลต่อทิศทางของราคาเป้าหมายที่จะเพิ่มขึ้นมาที่ 130 บาท/หุ้น จากเดิมที่ 126 บาท/หุ้น

ขณะที่ NPL ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามในปี 64 ต่อเนื่องว่าจะมีทิศทางอย่างไร ซึ่งก็มองในทิศทางเดียวกับทางธนาคารว่าจะยังเพิ่มขึ้นต่อจากปีก่อน โดยในปีนี้จะต้องดูว่าธนาคารจะมีแนวทางการบริหารจัดการคุณภาพหนี้อย่างไรในปี 64 ภายใต้ภาวะความเสี่ยงจากโควิด-19 ที่มากระทบ ส่วนการตั้งสำรองฯที่อาจกดดันน้อยลงในปีนี้หลังจากที่ตั้งสำรองฯไปมากแล้วในปีก่อน

ด้าน นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับธนาคารอื่น คือ แนวโน้มการเติบโตของกำไรในปี 64 ที่คาดว่าจะทำได้ดีถึง 12% มากกว่ากำไรเฉลี่ยของกลุ่มในปี 64 ที่เติบโต 6% จากแรงกดดันของการตั้งสำรองฯที่ลดลงไปมากในปีนี้ หลังจากปีก่อนตั้งสำรองฯไปมากแล้ว

โดยสิ่งที่ทำให้ KBANK ยังคงมีความสามารถในการทำกำไรได้ดี คือ การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับธนาคารใหญ่รายอื่น ส่งผลให้เมื่อภาวะเศรษฐกิจเกิดการเปลี่ยนแปลงธนาคารสามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกันได้เร็ว ช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ และสร้างความโดดเด่นกว่าธนาคารอื่นๆ

อีกทั้งเป็นหุ้นธนาคารที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจค่อนข้างมากในช่วงนี้ โดยได้ปรับคำแนะนำจากถือ เป็นซื้อ และเพิ่มราคาเป้าหมายมาที่ 148 บาท/หุ้น จากเดิม 125 บาท/หุ้น

สำหรับเป้าหมายทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ในปี 64 ที่ประกาศออกมาเช้านี้ ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะการเติบโตของสินเชื่อเติบโต 4-6% จากที่ประเมินไว้ 5.5% ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ หลังจากธนาคารได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาเน้นปล่อยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่มากขึ้นตั้งแต่ปีก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังคงมีความต้องการใช้สินเชื่ออีกมาก และมีความเสี่ยงไม่สูงเมื่อเทียบกับกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่ธนาคารชะลอการปล่อยสินเชื่อไปแล้ว

ขณะที่มุมมองของสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารที่คาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาที่ 4-4.5% จากปีก่อนอยู่ที่ 3.9% ก็เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ 4.3% โดยแนวโน้ม NPL ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่สิ่งที่จะต้องติดตาม คือ การบริหารจัดการ NPL ซึ่งปกติ KBANK จะใช้รูปแบบผสมผสาน ทั้งบริหารจัดการเองและการตัดขาย NPL ออกไป ซึ่งจะต้องติดตามว่าปีนี้จะทำอย่างไร แม้ว่ากลุ่มลูกค้าที่เข้ามาตรการช่วยเหลือส่วนใหญ่จะเริ่มกลับมาชำระหนี้ได้ก็ตาม

 

 

 

Back to top button