PR9 บวกแรง 7% นิวไฮรอบ 16 เดือน ส่งซิก Q4/63 ฟื้น-ปีนี้รายได้โตเด่น!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 ณ เวลา 16.02 น. อยู่ 9.95 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 7.75%  ด้วยมูลค่าซื้อขาย 97.95 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮรอบ 16 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ9.95 บาท เมื่อวันที่ 6 ก.ย.62

โดยนายธีรพันธ์ ดิษยบุตร รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน PR9 เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2564 มั่นใจจะมีรายได้รวมเติบโตมากกว่าปี 2562 ที่มีรายได้รวม 2,889.75 ล้านบาท (ไม่นับปี 2563 เนื่องจากเป็นภาวะไม่ปกติ) โดยเฉพาะการขยายตัวและการรับรู้รายได้เต็มปีของคนไข้ในตึกใหม่ (B) และตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อการปรับปรุงแผนก หรือขยายศูนย์รักษาโรคต่าง ๆ อ้างอิงไม่เกิดการแพร่ระบาด COVID-19 รุนแรง

ขณะที่ปัจจุบันทางโรงพยาบาลอยู่ในกระบวนการเตรียมนำวัคซีนรักษาหรือป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เข้ามาบริการฉีดให้ประชาชนคนไทย ซึ่งมั่นใจว่าหากมีวัคซีนฯ บริษัทจะพร้อมให้บริการเหมือนกับโรงพยาบาลเอกชนรายอื่น ๆ อย่างแน่นอน

สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2563 บริษัทยังติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ใกล้ชิดว่าจะมีแนวโน้มรุนแรงเหมือนปี 2563 หรือไม่ อย่างไรก็ตามมองว่าสถานการณ์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และยังได้เตรียมความพร้อมและมาตรการต่าง ๆ ไว้รองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินในกรณีที่มีการระบาดหนักอีกครั้ง

นอกจากนี้บริษัทจะได้รับผลบวกจากการเปิดบริการอาคารแห่งใหม่ PRARAM 9 Medical Center (Building B) เข้ามาเต็มไตรมาส ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/2564 รวมถึงการจัดโปรแกรมดูแลสุขภาพในโรคต่าง ๆ ออกมาตั้งแต่ต้นปี เช่น โปรแกรมตรวจความเสี่ยงมะเร็ง ไทรอยด์ โปรแกรมตรวจสุขภาพตาเด็ก 14-15 ปี และแพ็กเกจส่องกล้องทางเดินอาหารและลำไส้ เป็นต้น

ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เปิดให้บริการ “PR9 Cards” บัตรตรวจสุขภาพที่พร้อมมอบ Privilege สุดพิเศษ โดยคนไข้มีการตอบรับที่ดี พร้อมหวังให้มาใช้บริการแผนกต่าง ๆ ในอาคารใหม่ (B) และมอบส่วนลดพิเศษ ปรากฏว่าคนไข้ที่ไม่เคยใช้บริการกลับมาใช้บริการซ้ำสูงถึง 80-90% ถือเป็นอีกช่องทางที่ช่วยเสริมรายได้ อีกทั้งยังได้นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยเฝ้าสังเกตคนไข้ เพราะ PR9 เป็นโรงพยาบาลโรคซับซ้อน เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุดทุกขั้นตอน ประกอบกับยังคงให้บริการโรงพยาบาลทางเลือกที่รองรับการเป็นสถานกักกัน (Alternative Hospital Quarantine-AHQ) ต่อเนื่อง และการบริการตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 ในกลุ่มเสี่ยงเฉลี่ย 100 รายต่อวัน

“สัดส่วนรายได้คนไข้ต่างประเทศที่หายไปจากปกติ 15% เหลือ 8% (หายไป 7%) โดยปัจจุบันรายได้ของคนไข้ไทยสามารถเติบโตชดเชยรายได้คนไข้ต่างชาติที่หายไปได้หมดแล้ว ดังนั้นหวังใหัเปิดน่านฟ้าเดินทางระหว่างประเทศได้เร็ววัน ซึ่งจะทำให้มีรายได้จากคนไข้ต่างชาติเข้ามาเสริมการเติบโตด้วยฐานใหม่หนุนการเติบโตอย่างก้าวกระโดด”

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2563 คาดว่าจะเติบโตกว่าไตรมาส 3/2563 เนื่องจากฐานคนไข้กลับสู่ระดับปกติหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 คลี่คลาย รวมถึงการกลับมาของคนไข้ผ่าตัด และการเปิดบริการตึกใหม่ (B) อีกทั้งศูนย์กุมารเวชยังได้ผลบวกจากช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) ที่ทำให้เกิดโรคหลอดลมฝอยอักเสบในเด็กเล็ก และแพร่ระบาดได้รวดเร็วพร้อมกันจำนวนมาก