SINGER แววดี! กำไรปี 63 กระฉูด 166% จับตาผลงานปี 64 ทะยานต่อเนื่อง
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมิน Q4/63 เพิ่มขึ้น 196% หนุนจากยอดขายพุ่ง พักดันกำไรปี 63 โตกระฉูด 166% พร้อมมั่นใจปี 64 โตต่อเนื่อง
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ประเมิน บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ว่าจะสามารถทำกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2563 อยู่ที่ 123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 196% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
โดยผลจากการดำเนินงานไตรมาส 4 ปรับตัวขึ้น คาดมาจากยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า 560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 34% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากจำนวนแฟรนไชส์เป็น 2,000 สาขาภายในสิ้นปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 100% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ตามมารายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 18% ตามสินเชื่อ C4C 3.2 พันล้านบาท ขยายได้ตามเป้าเพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสก่อน หนุนสินเชื่อทั้งพอร์ตแตะ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ด้านคุณภาพหนี้ดีขึ้น NPL 60% จากธุรกิจ HP ลดลงได้ต่อส่วนหนึ่งได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือภาครัฐเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้มีรายได้น้อย และสินเชื่อ C4C อยู่ที่ 0.5% ใกล้เคียงไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ทำให้ประเมินกำไรสุทธิทั้งปี 2563 คาดอยู่ที่ 442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 166% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้มีการประเมินผลการดำเนินงานปี 2564 จะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญฝั่งสินค้าซิงเกอร์ มาจาก 1) Rebranding ดึงพรีเซนเตอร์ คุณโน้ต อุดม มาช่วยการตลาดให้ซิงเกอร์ดูทันสมัย 2) เปิดตัว SG@Home Mobile Application ที่เชื่อมต่อระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขายอย่างครบวงจร 3) การออกสินค้าหมวดใหม่ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น หม้ออบรมร้อน เครื่องฟอกอากาศ ฯลฯ ที่ช่วยเข้าถึงผู้ซื้อ-ง่ายต่อผู้ขาย 4) ขยายเครือข่ายตัวแทนต่อเนื่องเป็น 4,000 สาขา เพิ่มขึ้น 100% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ให้ครอบคลุมทุกอำเภอทั่วประเทศ
สำหรับการปรับสมมติฐานยอดขายสินค้า เพิ่มขึ้น 8% และอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อเฉลี่ยจาก 2.6% เป็น 2.1% ตาม NPL ที่ 4.1% -50% ที่ลดต่อเนื่องจากคุณภาพสินเชื่อเช่าซื้อที่จะดีขึ้นตามการจ้างงานที่เริ่มกลับมา
ดังนั้นมีการปรับเป้ากำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 584 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีการประเมินไปยังปี 2565 เป้ากำไรสุทธิอยู่ที่ 671 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 35 บาท ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อเก็งกำไร”