INTUCH ปันผล 1.35 บาท! GULF บุ๊คทันทีไตรมาส 2 ปีนี้ 650 ลบ.
GULF ลงทุนเห็นผล! เตรียมบุ๊คปันผล “อินทัช” เข้างบ Q2/64 รวดเดียว 649.32 ลบ. ภายหลังเข้าถือหุ้นเต็มสัดส่วน 15%
ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีที่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH จำนวน 480,976,414 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 15% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ก่อนหน้านี้
โดย GULF ประกาศเข้าซื้อหุ้น INTUCH ล็อตแรก ณ วันที่ 21 ส.ค.2563 คิดเป็นสัดส่วน 7.99% หลังจากนั้นก็ทยอยซื้ออย่างต่อเนื่อง จาก ณ วันที่ 6 ต.ค. 2563 มีสัดส่วนการถือครองอยู่ที่ 10% เพิ่มขึ้นเป็น 14.93% ในวันที่ 30 ธ.ค.2563 และ ล่าสุด ณ วันที่ 28 ม.ค. 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 15% ดังกล่าว ซึ่งครบตามสัดส่วนที่คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้สามารถเข้าลงทุนใน INTUCH ได้
ส่งผลให้จากการที่ INTUCH ประกาศจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนหลังของปี 2563 หรือระหว่าง วันที่ 01 ก.ค. ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 ในอัตราหุ้นละ 1.35 บาทนั้น GULF ซึ่งถือหุ้นอยู่จำนวน 480.98 ล้านหุ้น จะได้รับเงินปันผลเป็นเงินสด จำนวน 649.32 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการ INTUCH มีมติให้กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล หรือขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 ก.พ. 2564 และกำหนดวันที่จ่ายปันผลในวันที่ 22 เม.ย. 2564
ดังนั้น GULF จะสามารถบันทึกเงินปันผลจาก INTUCH จำนวน 649.32 ล้านบาท ได้ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัจจัยสนับสนุนต่อการเติบโตของผลประกอบการได้อย่างมีนัยสำคัญ จากงวดไตรมาส 2 ปี 2563 มีกำไรสุทธิที่ระดับ 1,880.84 ล้านบาท
ด้านผลประกอบการ งวดปี 2563 ของ INTUCH สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11,048 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11,083 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากการลดลงของส่วนแบ่งผลกำไรจากธุรกิจโทรคมนาคมไร้สายภายในประเทศ ซึ่งดำเนินงานโดย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จากผลกระทบของโรคโควิด-19 การแข่งขันเพื่อแย่งชิงลูกค้าสูงขึ้น รวมทั้งรายได้จากกลุ่มนักท่องเที่ยวหดตัวลง
โดย ADVANC ยังคงมีการลงทุนต่อเนื่อง ส่งผลให้ลดได้เพียงค่าใช้จ่ายทางการตลาดและการดำเนินงาน ขณะที่ส่วนแบ่งผลการดำเนินงานจากธุรกิจดาวเทียมและธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM เพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากในปี 2563 มีการรับรู้รายได้จากเงินชดเชยเป็นรายได้อื่น จำนวนรวม 621 ล้านบาท และในปีก่อนที่มีผลขาดทุนจากการด้อยค่าดาวเทียมเป็นหลัก