12 วัน 104 จุด!!ลูบคมตลาดทุน

หากนับจากวันที่ดัชนีหุ้นไทยลงไปต่ำสุด 1,292 จุด เมื่อ 25 สิงหาคม 2558


ธนะชัย ณ นคร

 

หากนับจากวันที่ดัชนีหุ้นไทยลงไปต่ำสุด 1,292 จุด เมื่อ 25 สิงหาคม 2558

ผ่านมาถึงวานนี้ (9 กันยายน) หรือ 12 วันทำการของตลาดหุ้น ดัชนีปรับขึ้นมาแล้ว 104 จุด ถือว่าไม่ธรรมดาเลยนะ

วานนี้ดัชนีปิดบวก 16.97 จุด มาที่ 1,396.29 จุด

มูลค่าการซื้อก็กลับมาคึกคัก คักคึก… กว่า 46,002 ล้านบาท สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

แน่นอนว่าต้องมีหุ้นที่เข้ามาดันดัชนี

เลยคลิกๆๆ เข้าไปดู ปรากฏว่า ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มพลังงาน เช่น TOP ในช่วงที่ดัชนีหลุด 1,300 จุด ราคาลงไปอยู่ที่  44-45 บาท แต่ตอนนี้ขึ้นมา 51.25 บาท  หรือขึ้นมา 13-14%

หุ้น PTTGC นี่ก็ไม่เบานะ

ราคาปรับขึ้นจาก 49 บาท มาที่ 55.75 บาท ขึ้นมา 13-14% เช่นกัน

IVL นี่ก็เหมือนกัน จากราคา 19 บาท ก็ขึ้นมาที่ 22.50 บาท เปลี่ยนแปลง 18-19%

กลุ่มเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ก็นับว่า ฟื้นเร็วกว่าคาด อย่างหุ้น AOT จากที่โบรกฯ เคยประเมินกันว่า อาจใช้เวลากว่า 1 เดือน ถึง 1 เดือนครึ่ง ราคาจะฟื้น(จากเหตุระเบิดราชประสงค์) ถึงจะฟื้นกลับมาที่เดิมได้

นี่ผ่านมากว่า 20 วัน ราคากลับมายืนเหนือก่อนเกิดเหตุระเบิดแล้ว

หุ้น AOT หลังเกิดเหตุระเบิดราคาลงไปที่ 252 บาท

แต่วานนี้ขึ้นมาปิด 287 บาท บวกขึ้นมาแล้ว 13.88% และมีส่วนในการดันดัชนีหุ้นไทยขึ้นมาอย่างมาก

กลุ่มสื่อสาร ADVANC นักลงทุนก็เข้ามาเก็บกันเยอะ โดยเฉพาะพวกกองทุน นักลงทุนสถาบัน มีข่าวว่า ทยอยสะสมเข้าพอร์ตกันสนุกสนาน

ประเด็นที่น่าสนใจคือ กลุ่มธนาคาร

ก่อนหน้านี้ หุ้นในกลุ่มธนาคารปรับลงมากว่า 21-22% นับจากต้นปี

ขณะนี้เริ่มกระเตื้องขึ้นมาบ้างล่ะ แต่ก็เป็นเพียงบางตัวเท่านั้น เช่น KBANK ที่ขึ้นมาในรอบ 10-12 วัน ราวๆ 13-14% ส่วน ไทยพาณิชย์ หรือ SCB ยังขยับมาไม่มากนัก 7-8% เท่านั้น

SCB มูลค่ามาร์เก็ตแคป ปัจจุบันอยู่ที่ 4.71 แสนล้านบาท

ตัวเลขนี้ถือว่ามากกว่า KBANK ที่มีมาร์เก็ตแคปประมาณ 4.24 แสนล้านบาท ขณะที่ BBL อยู่ที่ประมาณ 3 แสนล้านบาท

หุ้น BBL ปรับเพิ่มขึ้นมาในช่วง 10-12 วัน เพียง 5%

ช่วงนี้หุ้นในกลุ่มธนาคารกำลังรับข่าวดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่าง โครงการอุ้มเอสเอ็มอี มีการวิเคราะห์กันว่า แบงก์ที่จะได้รับประโยชน์มากสุดไล่มาตั้งแต่ KTB-KBANK  และ TMB

ทำให้ราคาหุ้นแบงก์ 3 ตัวนี้ แทบจะเหาะมาเลยล่ะ

แบงก์ยังได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ ที่รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สั่งให้เร่งดำเนินการ จัดลำดับความสำคัญกันใหม่ ว่าจะเริ่มจากโครงการไหนก่อน แล้วไปโครงการไหนต่อ

ทาง รมว.คมนาคม ก็เลยสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อว่า ไปดำเนินการมาให้เสร็จใน 1 อาทิตย์

หากได้ข้อสรุปมาอย่างไร หุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ คงเทรดสนั่นทุ่งกันอีกรอบ

แต่หุ้นกลุ่มแบงก์ ก็ยังต้องลุ้นกับผลประกอบการไตรมาส 3/2558 ที่จะประกาศออกมาในช่วงเดือนหน้า

หากเอ็นพีแอลทรงๆ ไม่มีตั้งสำรองเผื่อฯ กันเพิ่ม ก็อาจจะพออุ่นใจกันหน่อย

ส่วนสินเชื่ออาจไม่ได้เพิ่มมากนัก นายแบงก์หลายคนก็ปรับลดเป้ากันแล้ว เพราะหากให้เลือกระหว่าง สินเชื่อเติบโตกับคุมเอ็นพีแอล พวกเขาก็คงเลือกอย่างหลังกันมากกว่า

ปัจจัยที่ทำให้หุ้นขึ้นขนานใหญ่หลายตัวดันกลับมาได้เร็ว ก็มาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เริ่มกลับมา

แต่อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้

มาตรการกว่าจะเห็นผลก็ต้องใช้เวลากันซักหน่อย

ส่วนในอาทิตย์หน้า เห็นรองนายกฯ สมคิด บอกว่า จะมีมาตรการใหม่ๆ ออกมาอีก

ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับด้านอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ ที่จะเข้ามากระตุ้นกำลังซื้อพวกบ้าน หลังจากแรงซื้อเริ่มเหี่ยวเฉาลงไปค่อนข้างเยอะ

ยิ่งตอนนี้มีปัจจัยจากต่างประเทศหนุนด้วย

เฟดอาจเลื่อนปรับดอกเบี้ยขึ้นไปสิ้นปี หรือปี 2559 ทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกและจะมีการปรับระเบียบเพื่อดูดนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนเพิ่ม

หวังว่าบรรยากาศแบบนี้คงไปได้แบบยาวๆ นะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Back to top button