หุ้นยุโรปปิดบวกต่อเนื่องตามทิศทางตลาดเอเชีย
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) โดยเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สาม ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนฟื้นคืนขึ้น ภายหลังจากที่ทางการจีนและญี่ปุ่นออกมาให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มเติม
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 4.77 จุด หรือ 1.33% ปิด (9 ก.ย.) ที่ 363.77 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 66.33 จุด หรือ 1.44% ปิดที่ 4,664.59 จุด, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น 31.76 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 10,303.12 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน เพิ่มขึ้น 82.91 จุด หรือ 1.35% ปิดที่ 6,229.01 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นเอเชีย โดยการฟื้นตัวต่อเนื่องของตลาดหุ้นจีน และการทะยานแข็งแกร่งของหุ้นญี่ปุ่น ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่หดหายไปก่อนหน้านี้ โดยในการซื้อขายวันพุธนั้น ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวกอีก 2.29% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว ทะยานถึง 7.71% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
กระทรวงการคลังของจีนได้ประกาศนโยบายการคลังหลายนโยบายเมื่อคืนวันอังคาร โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ อาทิ การประสานกองทุนต่างๆให้เร่งการก่อสร้างโครงการต่างๆให้รวดเร็วขึ้น นำเงินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาทำให้เกิดประโยชน์ และขยายการลดหย่อนภาษี เป็นต้น
กระทรวงระบุด้วยว่า จีนจะเผยมาตรการนโยบายการคลังที่ทรงพลังมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ความวิตกว่าเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวเร็วขึ้นกว่าที่คาดนั้นได้กระตุ้นให้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น เผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะเดินหน้าแผนปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงอย่างน้อย 3.3% ในช่วงสองปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม หุ้นยุโรปลดช่วงบวกลงจากที่พุ่งขึ้นกว่า 2% ในระหว่างวัน โดยเริ่มมีแรงขายเข้ามาบางส่วน ตามทิศทางหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลดลง หลังจากที่มีการเปิดเผยตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสดังกล่าวทำให้ตลาดกลับมากังวลเรื่องช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอีกครั้ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรที่เปิดรับสมัครโดยสถานประกอบการในสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 5.75 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2000 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ
หุ้นวอลโว่บวก 2% หลังได้รับการอัพเกรดหุ้น หุ้นไรอันแอร์ พุ่ง 5.2% หลังบริษัทเผยว่ากำไรอาจสูงกว่าที่คาดไว้ถึง 25% ขณะที่หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น ลดลง 1.24% หลังผลการทดลองทางคลินิกของบริษัทยารายหนึ่งไม่ประสบความสำเร็จ