BJCHI ผลงานปี 63 พลิกขาดทุน ยันปันผล 0.03 บ. จับตาปีนี้ “เทิร์นอะราวด์” รับแบ็กล็อกแน่น

บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4 และงวดปี 2563 ดังนี้

โดยในปี 2563 นับเป็นปีที่ท้าทายมากที่สุดปีหนึ่งในรอบหลายทศวรรษต่อเศรษฐกิจโลกและไทย เนื่องจากผลก ระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคระบาดดังกล่าวหลายประเทศได้ใช้นโยบายการปิดประเทศ งดการเดินทางระหว่างประเทศ แต่ในทางกลับกันสิ่งนี้กลับส่งผลเสียหายต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและกิจกรรมทางธุรกิจหลายอย่าง การชะลอตัวของเศรษฐกิจยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อทั้งการบริโภคน้ำมันทั่วโลก และราคาน้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 บริษัทผลิตเวชภัณฑ์ยาหลาย แห่งได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนสำหรับการป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนและธุรกิจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้ในปี 2564 แม้จะเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในปี 2563 นั้น บริษัทก็ยังได้รับงานโครงการใหม่ ซึ่งได้แก่โครงการ KOODAIDERI ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และงานเพิ่มเติมจากโครงการ SANTOS ในอุตสาหกรรมก๊าซ

นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จในการส่งมอบโครงการขนาดใหญ่อย่างมีคุณภาพและตามกำหนดเวลา อย่างเช่น โครงการ UPGN และ LINDE ให้กับลูกค้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถ และความมุ่งมั่นของ บริษัทอันเป็นหนึ่งในหลักการสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัท การเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้บริษัทได้รับการเสนอให้เข้าร่วมการประมูลงานจากลูกค้าทั้งตลาด ต่างประเทศและตลาดในประเทศในหลายอุตสาหกรรม

เช่น โรงไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน น้ำมันและก๊าซ ธุรกิจพลังงานสะอาดและเหมืองแร่ ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน นี่เป็นสิ่งที่บ่งชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการเข้าไปรับงานโครงการต่างๆ ของบริษัทในอนาคต

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายปันผลจากกำไรสะสม เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท กำหนดวันไม่ได้รับสิทธิปันผล หรือ XD วันที่ 15 มี.ค. 2564 และกำหนดจ่าย 12 พ.ค. 2564

ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 2 บาท/หุ้น ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นเล็กน้อย โดยมองว่าผลประกอบการในปี 2564 จะฟื้นตัวดีขึ้นมีกำไรประมาณ 102 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ขาดทุน

นอกจากนี้การที่ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นทำให้เริ่มมีโครงการขนาดใหญ่ติดต่อเข้ามาเป็นงานโมดูล ประมาณ 210 ล้านดอลลาร์  โดยปัจจุบันมีงานที่กำลังประมูลประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และมีแบ็กล็อกอยู่ที่ระดับ 3.2 พันล้านบาท