M ลุ้นผลงานปี 64 สดใส รับแผนขยายสาขา – “แหลมเจริญ” หนุน
M ลุ้นผลงานปี 64 สดใส รับแผนขยายสาขา - “แหลมเจริญ” หนุน
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M ที่ราคาเป้าหมาย 66 บาทต่อหุ้น
โดยจากการประชุมนักวิเคราะห์ทำให้ฝ่ายวิจัยมั่นใจต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของ M ยิ่งขึ้น พร้อมคาดเห็นสัญญาณยอดขายต่อสาขาเดิม หรือ SSSG พลิกมาเป็นบวกเทียบกับปีก่อนได้ไวกว่าคาด นอกจากนี้ผู้บริหารยังตั้งเป้าการขยายสาขามากกว่าประมาณการ
ประกอบกับให้มุมมองเชิงบวกต่อร้าน “แหลมเจริญ” ที่คาด Synergy จะเริ่มปรากฏชัดเจนในปีนี้ และจะเป็นหัวหอกหลักสำหรับการเติบโตในอีก 1-3 ปีข้างหน้าผ่านการขยายสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 64-65 ขึ้น และมองราคาหุ้นยัง Discount จากช่วงปกติก่อนโควิดกว่า 20% ไม่สมศักดิ์ศรีกับกำไรที่กำลังเร่งตัวกลับไปใกล้ระดับปกติใน 1-2 ปีข้างหน้า จึงแนะนำ ซื้อ พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่จาก 62 บาทสู่ 66 บาท
ทั้งนี้ SSSG เดือน ม.ค.-มี.ค. โมเมนตัมดีขึ้นเทียบกับเดือนก่อนในทุกเดือน และคาดเดือนมี.ค.จะเริ่มเห็น SSSG เป็นบวกเทียบกับปีก่อนในช่วงเดือนแรก ซึ่งไวกว่าคาดการณ์เดิมในช่วงไตรมาส 2/64 และบริษัทมีความมั่นใจยิ่งขึ้นกลับมาเดินหน้าขยายสาขาอีกครั้งในปีนี้ที่ 28 สาขา แม้ยังต่ำกว่าปีปกติที่ราว 40 สาขา แต่ดีกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัยที่ 20 สาขา
ประกอบกับฐานที่ต่ำในปีก่อน และ Outlook วัคซีน&การเปิดเมือง ที่คาดเข้ามาหนุน Sentiment การบริโภคให้ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ตลอดช่วงไตรมาส 2-ไตรมาส 4/64 ทำให้คาดจะเห็นกำไรฟื้นแรงจากปีก่อนตลอดช่วงที่เหลือของปี
ทั้งนี้ จากตัวฉุดในปี 63 คือ SSSG -40-50% กำลังเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นต่อเนื่องจาก (1) ยอดขายที่คาดทยอยฟื้นตัวได้ตามแบรนด์หลัก (2) ต้นทุนที่ยังมี Room ลดได้ต่อในปีนี้ จาก Synergy การรวมครัวกลางและการจัดซื้อวัตถุดิบ และ (3)ยังมั่นใจคงเป้าขยายสาขาใน 2-3 ปีข้างหน้าแบบ Aggressive
โดยในประเทศขยายอย่างต่ำเท่าตัวเป็น 50 สาขาจาก 29 สาขาในปัจจุบัน และต่างประเทศผ่านรูปแบบ Franchise อีกไม่ต่ำกว่า 50-150 สาขาที่คาดจะเริ่มเห็นความชัดเจนปลายปี 64 ทำให้คาดสัดส่วนรายได้แหลมเจริญจะเร่งตัวขึ้นไประดับมากกว่า 10-15% ในปี 65-66 จากปัจจุบันที่อยู่เพียง 6%
ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 66 บาท ประเมินด้วยวิธี DCF (WACC 9%,G.2%) สะท้อนภาพการบริโภคที่ฟื้นไวกว่าคาดและบริษัทมีกลยุทธ์สร้างการเติบโตที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยปรับประมาณการกำไรปี 64-65 ขึ้น 7% และ 4% ตามลำดับ และด้วยงบดุลที่แข็งแกร่งประกอบกับสภาพคล่องในมือกว่า 7 พันล้านบาท และสถานการณ์โควิดที่ดีขึ้น คาดบริษัทกลับมาจ่ายเงินปันผลในระดับสูงเช่นเคย Payout ratio 90% คิดเป็นดิวิเดนท์ยีลด์ 3.7%