อำนาจที่ไม่ประนอม

การแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสาม แท้งแน่นอนแล้ว ไม่ว่าตีความคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร เพียงแค่ 250 ส.ว.งดออกเสียงก็ไม่ผ่าน


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

การแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสาม แท้งแน่นอนแล้ว ไม่ว่าตีความคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร เพียงแค่ 250 ส.ว.งดออกเสียงก็ไม่ผ่าน

คำถามคือการแก้มาตรา 256 แล้วไปลงประชามติ จากนั้นก็เลือกตั้ง สสร. 200 คนมาแก้ไขรัฐธรรมนูญเกือบทั้งฉบับ (ยกเว้นหมวด 1 หมวด 2) มันเป็นพิษเป็นภัยต่อรัฐบาลและผู้กุมอำนาจสักแค่ไหนเชียว

โดยกระบวนการ ก็ใช้เวลาเกือบ 2 ปี เพราะร่าง พ.ร.บ.ประชามติเพิ่งเข้าสภา เลือก สสร.ก็เชื่อว่าได้คนของรัฐบาลหรือรัฐราชการเกินครึ่ง แม้อาจเปิดพื้นที่ให้ “ฝ่ายก้าวหน้า” ได้เสนอไอเดียใหม่ ๆ ยังไงก็แพ้อยู่ดี

การยกร่างรัฐธรรมนูญยังซื้อเวลาให้ประยุทธ์และ 250 ส.ว. อยู่ต่อจนครบ 4 ปี 5 ปี ใครเรียกร้องยุบสภาก็บอกรอร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รอจนใกล้มีนาคม 2566 แล้ว 250 ส.ว.ก็โหวตกลับมาอีกที

ขณะที่ได้ลดโทนความขัดแย้ง เพราะจาก 3 ข้อเรียกร้องของม็อบ อย่างน้อยก็ได้แก้รัฐธรรมนูญ แม้ไม่ยอมรับร่าง iLaw และไม่แก้หมวด 1, 2 แต่ตอนนี้ไม่ประนีประนอมสักข้อเดียว

เช่นเดียวกับการดำเนินคดีแกนนำม็อบราษฎร ถูกคุมขังไม่ได้ประกัน โดยยังมีแนวโน้มว่าวันที่ 25 นี้จะสั่งฟ้อง 112 อีกกลุ่มใหญ่ ก็คงไม่ได้ประกัน เป็นแรงกดดันให้ม็อบ REDEM นัดแสดงพลังวันที่ 20 แม้รู้ว่าทำอย่างไรก็ไม่ “ปล่อยเพื่อนเรา”

พรรคฝ่ายค้านประกาศไว้ก่อนศาลวินิจฉัย ถ้าคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ระวังประชาชนลุกฮือ ซึ่งอันที่จริงพรรคฝ่ายค้านก็มีความชอบธรรมที่จะ “ปลุกม็อบ” โดยหันไปเรียกร้องให้แก้รายมาตรา ตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ ในบทเฉพาะกาล ซึ่งไม่ต้องลงประชามติด้วยซ้ำ เพียงต้องให้ 84 ส.ว.เห็นชอบการตัดอำนาจตัวเอง ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีม็อบกดดัน

แต่ถามว่าพรรคฝ่ายค้านจะปลุกม็อบได้ไหม ก็ไม่มีทาง ในสภาพที่คนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าไม่มีทางชนะอำนาจใหญ่โตมหึมา มีแต่จะทำให้ตัวเองเดือดร้อน วัฒนธรรมไทยชาชินกับการจำยอม “อยู่อย่างไทย” ดิ้นรนทำมาหากินไปดีกว่าติดคุกแบบแกนนำม็อบ หรือถูกฆ่าแบบคนพม่า

เศรษฐกิจมีปัญหา ย่ำแย่เพียงไร ก็ไปแย่งกันลงทะเบียนคนละครึ่ง เราชนะ เรารักกัน ฯลฯ ไม่งั้นก็ซื้อหวยหวัง 30 ล้าน คนชั้นกลางหวังช้อนหุ้น เก็งกำไรบิตคอยน์ มีเงินหน่อยก็ไป็ง

ประมูลทรัพย์ขายทอดตลาด ที่กำลังจะถูกยึดจำนวนมาก

ในความเป็นจริง รัฐไม่ได้กุมคะแนนนิยมจากคนส่วนใหญ่ มีแค่คนส่วนน้อยสนับสนุนสุดลิ่มทิ่มประตู กับมีคนอีกปีกหนึ่งต่อต้านอย่างดุเดือด ขณะที่คนส่วนใหญ่เฉย ๆ หรือค่อนไปทางไม่ชอบหรอก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่อยากต่อต้านเดี๋ยวเดือดร้อน

แล้วผู้กุมอำนาจก็ได้ใจ คิดว่าสภาพนี้เป็นโอกาส บีบบังคับให้คนต่อต้านยิ่งต้องศิโรราบ หรือต้องยอมจำนนแบบไม่สามารถโงหัว แทนที่จะผ่อนคลายให้แก้รัฐธรรมนูญโดยตัวเองกุมได้ แทนที่จะผ่อนคลายปล่อยแกนนำม็อบเพื่อลดความโกรธ บรรเทากระแส กลับคิดว่ายิ่งต้องบดขยี้ให้หมดทางสู้

การบีบคั้นเช่นนี้จะทำให้พลังต่อต้านยิ่งโกรธ ยิ่งสั่งสม แม้ยังทำอะไรไม่ได้แต่ไม่มีวันยอมแพ้ กลายเป็นกบฏต่อระบบ ไม่ยอมสยบแค่ถูกบังคับ

การบีบคั้นเช่นนี้ยังขาดการประเมินด้านลบว่า ถ้ารัฐผิดพลาดถึงจุดต่ำสุด จนคนเหลืออดจริง ๆ จะรับมือไหวหรือ เพราะมีปัจจัยอีกมากทำให้รัฐบาลสะดุด

เปิดศึกรอบด้านตั้งแต่คนรุ่นใหม่ นักวิชาการ NGO บางกลอย กลุ่มชาติพันธุ์ ไม่คิดเผื่อด้านกลับบ้าง ไม่ฉลาดเลย

Back to top button