8 หุ้นเหล็ก เด้งรับ Anti-dumping
8 บจ. ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเหล็กเด้งรับมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping) ซึ่งคาดว่ากระทรวงพาณิชย์จะประกาศใช้ในเร็วๆ นี้
แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า กระทรวงพาณิชย์จะประกาศใช้ มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping: AD) ในเร็วๆ นี้ ซึ่งการใช้มาตรการดังกล่าวจะมีการคิดภาษีในอัตรา 18.5% และสูงสุดที่ 30-40% เป็นระยะเวลา 4 ปี เพื่อสกัดกั้นเหล็กลวดคาร์บอนต่ำจากประเทศจีน
ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดนั้นจะเริ่มประกาศใช้กับเหล็กลวดเป็นมาตรการแรก และอาจจะมีการพิจารณาใช้มาตรการดังกล่าวกับเหล็กประเภทอื่นด้วย ซึ่งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น (บจ.) ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเหล็กลวด และบริษัทที่มีโครงการกำลังจะทำเหล็กลวดจะได้รับประโยชน์จากนโยบายดังกล่าวโดยตรง
ขณะที่ความต้องการซื้อ-ขายในตลาดโลกเริ่มกลับเข้าสู่สมดุล หลังโรงงานเหล็กในประเทศจีนหลายแห่งปิดตัวลง อีกทั้งรัฐบาลจีนเริ่มเข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้มีแนวโน้มที่โรงงานเหล็กในจีน หลายแห่งจะปิดตัวลงอีก ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาจีนถือเป็นดัชนีบ่งชี้ราคาเหล็กของโลก ขณะที่ราคาเหล็กในประเทศแม้จะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนจากภาวะการลงทุนในประเทศที่ชะลอตัว แต่เชื่อว่าอุปสงค์การใช้เหล็กจะค่อยๆ ฟื้นตัวจากการเร่งลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ
สำหรับ บจ. ที่ราคาหุ้นวานนี้ (14 ก.ย.) มีการปรับตัวขึ้นรับข่าวดังกล่าว และมีแนวโน้มว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นอีกหากมีการประกาศใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเป็นทางการ มีทั้งหมด 8 บจ. ดังนี้
อันดับที่ 1 บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL ผู้ผลิตและเป็นศูนย์บริการผลิตภัณฑ์เหล็กนานาชนิดทั้งในและต่างประเทศ อาทิ เหล็กเส้นกลม (Round bar) เหล็กเส้นข้ออ้อย (Deformed Bars) เหล็กตัวซี (Lip Channel Steel) และผลิตภัณฑ์เหล็กอื่นๆ
โดยราคาหุ้น MILL ราคาปิดอยู่ที่ 1.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 5.62% สูงสุดที่ 1.89 บาท และต่ำสุดที่ 1.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 201.71 ล้านบาท
อันดับที่ 2 บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH ผู้ดำเนินธุรกิจการลงทุน (Holding company) ในบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายสินค้าเหล็กเส้น เหล็กลวด และเหล็กรูปพรรณขนาดเล็ก ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง
โดยราคาหุ้น TSTH ราคาปิดอยู่ที่ 0.68 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 28.30% สูงสุดที่ 0.68 บาท และต่ำสุดที่ 0.54 บาท มูลค่าซื้อขาย 43.73 ล้านบาท
อันดับที่ 3 บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEL ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน และเหล็กแผ่นหนา (slab) เพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กชุบสังกะสี ท่อเหล็ก เหล็กรูปพรรณที่ใช้ในการก่อสร้าง ภาชนะบรรจุน้ำมันหรือก๊าซหุงต้ม ชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์เหล็ก เป็นต้น
โดยราคาหุ้น GSTEL ราคาปิดอยู่ที่ 0.36 บาท เพิ่มขึ้น 0.07 บาท หรือ 24.14% สูงสุดที่ 0.37 บาท และต่ำสุดที่ 0.28 บาท มูลค่าซื้อขาย 22.66 ล้านบาท
อันดับที่ 4 บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) SSI ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนสำหรับงานโครงสร้าง งานท่อชุบสังกะสี งานโครงสร้างรถยนต์ งานโครงสร้างเครื่องจักร และงานทั่วไป
โดยราคาหุ้น SSI ราคาปิดอยู่ที่ 0.12 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 20.00% สูงสุดที่ 0.13 บาท และต่ำสุดที่ 0.09 บาท มูลค่าซื้อขาย 71.94 ล้านบาท
อันดับที่ 5 บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PERM ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตแปรรูปและจำหน่าย เหล็กรีดร้อนและรีดเย็น เหล็กกล้าแรงดึงสูงชุบสังกะสี เหล็กเคลือบเคมีด้วยไฟฟ้า เหล็กโครงคร่าวเพดานและผนัง แผ่นหลังคาและผนังเหล็กเคลือบสี
โดยราคาหุ้น PERM ราคาปิดอยู่ที่ 1.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.21 บาท หรือ 14.69% สูงสุดที่ 1.65 บาท และต่ำสุดที่ 1.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 85.87 ล้านบาท
อันดับที่ 6 บริษัท บางสะพานบาร์มิล จำกัด (มหาชน) หรือBSBM ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเหล็กเส้นกลมและเหล็กเส้นข้ออ้อย
โดยราคาหุ้น BSBM ราคาปิดอยู่ที่ 1.19 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท หรือ 13.33% สูงสุดที่ 1.28 บาท และต่ำสุดที่ 1.04 บาท มูลค่าซื้อขาย 100.89 ล้านบาท
อันดับที่ 7 บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ SAM ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายท่อเหล็ก เพื่อใช้งานในอุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ โดยแบ่งลักษณะออกเป็น 4 ประเภทหลัก คือ เหล็กโครงสร้าง ท่อเหล็กชุบสังกะสี ท่อเหล็กเฟอร์นิเจอร์ เหล็กแผ่นดำ
โดยราคาหุ้น SAM ราคาปิดอยู่ที่ 1.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ 12.90% สูงสุดที่ 1.44 บาท และต่ำสุดที่ 1.24 บาท มูลค่าซื้อขาย 57.47 ล้านบาท
อันดับสุดท้าย บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GJS ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นสายผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้ 1. เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน 2. เหล็กแผ่นรีดร้อนปรับสภาพผิวชนิดม้วน 3. เหล็กแผ่นรีดร้อนล้างผิวและเคลือบน้ำมัน
โดยราคาหุ้น GJS ราคาปิดอยู่ที่ 0.27 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือ 12.50% สูงสุดที่ 0.29 บาท และต่ำสุดที่ 0.23 บาท มูลค่าซื้อขาย 34.09 ล้านบาท
อนึ่ง มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping: AD) และมาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty: CVD) เป็นมาตรการทางการค้าที่ประเทศผู้นำเข้าใช้เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในที่ได้รับความเสียหาย หรือมีแนวโน้มที่จะไดร้ับความเสียหายจากการทุ่มตลาดและการอุดหนุน อันเกิดจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ไม่เป็นธรรม
ทั้งนี้ การทุ่มตลาด (Dumping) คือการส่งออกสินค้าจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งเพื่อประโยชน์ในทางพาณิชย์ โดยที่ราคาส่งออกนั้นต่ำกว่ามูลค่าปกติของสินค้าชนิดเดียวกันที่จำหน่ายเพื่อการบริโภคภายในประเทศผู้ส่งออก/ ผู้ผลิตเอง
*ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน