“หุ้นพลังงาน” ร่วงตามคาด! เซ่น WTI ดิ่ง 7% แตะระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 10.01 น. ราคาหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT อยู่ที่ระดับ 40 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 1.23% สูงสุดที่ระดับ 40.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 39.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 676.39 ล้านบาท

ด้านราคาหุ้น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP อยู่ที่ระดับ 113.50 บาท ลบ 3 บาท หรือ 2.58% สูงสุดที่ระดับ 114.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 113.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 421.21 ล้านบาท

ส่วนราคาหุ้น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR อยู่ที่ระดับ 32.50 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 1.52% สูงสุดที่ระดับ 32.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 32.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 500.63 ล้านบาท

ขณะที่ราคาหุ้น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC อยู่ที่ระดับ 65 บาท ลบ 1.25 บาท หรือ 1.89% สูงสุดที่ระดับ 65.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 64.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 179.49 ล้านบาท

เช่นเดียวกับ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP อยู่ที่ระดับ 59.75 บาท ลบ 2 บาท หรือ 3.24% สูงสุดที่ระดับ 60.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 59.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 99.49 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC อยู่ที่ระดับ 3.80 บาท ลบ 0.06 บาท หรือ 1.55% สูงสุดที่ระดับ 3.82 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.76 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 271.33 ล้านบาท

โดยราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลง หลังจากสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงกว่า 7% เมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.2564) ทำสถิติปิดในแดนลบติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่ประเทศยุโรปยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน

สำหรับสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 4.60 ดอลลาร์ หรือ 7.1% ปิดที่ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. 2564

ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 4.72 ดอลลาร์ หรือ 6.9% ปิดที่ 63.28 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. 2564

ด้านนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 ในยุโรป รวมทั้งการที่หลายประเทศในยุโรประงับใช้วัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งส่งผลให้แผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในภูมิภาคแห่งนี้เป็นไปอย่างล่าช้า