จัดธีมหุ้นดาวเด่นเฉพาะกลุ่ม

ตลาดหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์รอผลการประชุมเฟด ที่หลายฝ่ายคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม แต่มีแนวโน้มจะปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐปีนี้


เส้นทางนักลงทุน

ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวไซด์เวย์รอผลการประชุมเฟด ที่หลายฝ่ายคาดน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม แต่มีแนวโน้มจะปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ได้ จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของภาครัฐ

ขณะเดียวกัน ยังต้องติดตามการส่งสัญญาณการใช้นโยบายทางการเงินในระยะถัดไปในประเด็นเงินเฟ้อ และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และคาดการส่งสัญญาณของเฟดน่าจะออกมาคล้ายกับท่าทีของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ที่ออกมากล่าวก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะยังผ่อนคลายมาตรการทางการเงินต่อไป และมีแผนที่จะอดทนอดกลั้นต่อการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อเพื่อรอดูสถานการณ์ให้แน่ใจก่อนเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงิน

นอกจากนั้นคาดตลาดหุ้นไทยยังคงรอองค์การยาแห่งยุโรป (EMA) พิจารณาทบทวนข้อมูลของวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของ AstraZeneca ในด้านความปลอดภัย ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ หลังจากหลายประเทศในยุโรปสั่งระงับการฉีดวัคซีนดังกล่าวไปแล้ว หลังมีรายงานผู้เสียชีวิตจากอาการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ คาดปัจจัยดังกล่าวกระทบต่อความเชื่อมั่นในการกลับมาเปิดประเทศของไทยได้ จากการที่ไทยสั่งซื้อวัคซีนดังกล่าวมากถึง 61 ล้านโดส เป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อภาพรวมของตลาดหุ้นไทยได้อยู่

กอปรกับ ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI เดือน เม.ย. ปรับตัวลดลงต่อเนื่องอีก 0.59 ดอลลาร์ (-0.90%) ปิดที่ 64.80 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลการออกมาตรการ Lockdown รอบใหม่ยุโรป จากการกลับมาระบาดของโควิด-19 อีกระลอก รวมทั้งหลาย ๆ ประเทศในยุโรปสั่งระงับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของ AstraZeneca ซึ่งคาดจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป คาดจะกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงปรับฐานถ่วงตลาดหุ้นไทยได้เช่นกัน

ด้านปัจจัยภายในประเทศมีมุมองเชิงลบอ่อน ๆ ต่อการตรวจพบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ตลาดย่านบางแค คาดจะกระตุ้นความกังวลในการผ่อนคลายมาตรการของรัฐในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้บ้าง

รวมทั้งวันที่ 18 มี.ค. 2564 ติดตามการพบกันของรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ-จีน ซึ่งถือเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรกระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีน หลังปธน.โจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่ง ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ 12 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา ศาลสหรัฐพิพากษาให้หยุดคำสั่งแบน Xiaomi ในรัฐบาลทรัมป์เป็นการชั่วคราว มองเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อท่าทีความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ก่อนการเข้าพบกันดังกล่าว

ทั้งนี้ จากประเด็นข้างต้นที่มีหลายเรื่องที่ต้องจับตา เพราะเกี่ยวเนื่องต่อการลงทุนในตลาดหุ้น โดยทาง บล.ไอร่า ได้จัดธีมการลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะกลาง ยังแนะนำให้ “ถือ หรือ ทยอยซื้อสะสม” เมื่อตลาดฯ ย่อตัว หุ้นในกลุ่มดังนี้

  1. Clean Energy Play (โรงไฟฟ้า) ได้แก่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM
  2. Tourism Play (ท่องเที่ยว โรงแรม) ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL และ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT
  3. Domestic Play (ค้าปลีกขนาดกลาง) ได้แก่ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL, บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME และบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO
  4. High Beta Play (อสังหาฯ) ได้แก่ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP, บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI, บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI และบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN

นอกจากนี้ หุ้นข้างต้นที่ทางบล.ไอร่า นำมาแนะนำแล้ว หากดูจากบทวิเคราะห์อื่นก็ถือว่ายังน่าลงทุน เพราะราคายังมีอัพไซด์ เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายอย่าง GULF ทางบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 43 บาท/หุ้น, GPSC ทางบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 100 บาท/หุ้น, BGRIM ทางบล.เคจีไอ แนะนำ “Outperform” ราคาเป้าหมาย 60.50 บาท/หุ้น

AOT ทางบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 72 บาท/หุ้น, CENTEL ทางบล.เคทีบีเอสที แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 40 บาท/หุ้น, MINT ทางบล.เคทีบีเอสที แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36 บาท/หุ้น, GLOBAL ซึ่งทางบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 21.80 บาท/หุ้น, DOHOME ทางบล.คันทรี่ กรุ๊ป แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 20.40 บาท/หุ้น

HMPRO ทางบล.เคจีไอ แนะนำ “Outperform” ราคาเป้าหมาย 17.80 บาท/หุ้น, AP ทางบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.70 บาท/หุ้น, SPALI ทางบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท/หุ้น

ดังนั้น เมื่อตลาดฯ หรือราคาหุ้นมีการย่อตัว ถือเป็นจังหวะของการเข้าทยอยสะสม เพราะราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวไปหาราคาเป้าหมายได้!

Back to top button