โบรกฯ อัพเป้า RT แตะ 3 บ. สะท้อนพื้นฐานแกร่ง ลุ้นคว้างานใหม่ต่อเนื่อง

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT หลังนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย สะท้อนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงปี 2564 จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบจากปีก่อน

โดย บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” RT และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 3 บาท จากเดิม 2.50 บาท เนื่องจากมองว่าโครงการใหญ่มีความคืบหน้ามาก โดยเฉพาะรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของซึ่งเป็นงานที่บริษัทมีโอกาสได้รับงานสูง ขณะที่ backlog ปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้มีมุมมองเป็นบวกมากจากงาน SET Opportunity Day โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2564 โต 20% เมื่อเทียบจากปีก่อน (สูงกว่าบล.เคทีบีเอสที คาดโต 4% เมื่อเทียบจากปีก่อน) แบ่งเป็นจาก backlog เดิม/ใหม่ 70%/30% โดยบล.เคทีบีเอสที คำนวณหากอิงเป้าหมายรายได้ที่ 3.4 พันล้านบาท โต 20% เมื่อเทียบจากปีก่อน จะคิดเป็นมูลค่าโครงการใหม่ 3 พันล้านบาท (สูงกว่าเราคาดที่ 2.2 พันล้านบาท)

รวมทั้ง 2) บริษัทมองว่ามีโอกาสสูงที่จะได้รับงานอุโมงค์รถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของในรูปแบบ main หรือ subcontractor, และ 3) มั่นใจจะได้รับงานก่อสร้างบางส่วนของโครงการหลวงพระบาง โดยเริ่มมีการพูดคุยกับเจ้าของโครงการเรื่องการรับงานแล้ว

ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปกติปี 2564 ที่ 250 ล้านบาท โต 6% เมื่อเทียบจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม เรามีโอกาสปรับประมาณการขึ้นหากสถานการณ์การประมูลโครงการรัฐและการรับงานใหม่ดีกว่าคาด

ส่วน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น RT ประเมินราคาพื้นฐานใหม่ที่ 2.82 บาท จากเดิม 2.40 บาท และปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 64 ขึ้นเป็น 258 ล้านบาท จากเดิม 220 ล้านบาท ทั้งนี้จากงาน Opportunity Day ผู้บริหาร RT เปิดเผยแนวโน้มการเติบโตปี 2564 คาดยังโตต่อเนื่องจากปี 63 ที่มีรายได้รวม 2,864 ล้านบาท อีกราว 20% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยมีแรงหนุนจากปริมาณ Backlog ในมือที่มีอยู่แล้วกว่า 3,500 ล้านบาท และงานโครงการใหม่ๆ ที่คาดจะได้รับเพิ่มเติมจากการว่าจ้างโดยตรงและการชนะการประมูล

สำหรับปีนี้ ได้แก่ งานโครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มูลค่ากว่า 7.29 หมื่นล้านบาทที่ปัจจุบันมีการเผยแพร่ประกาศ และเอกสารประกวดราคาเรียบร้อยแล้ว และคาดจะเปิดประมูลได้ภายในเดือนพฤษภาคม

โดยในเบื้องต้น RT คาดหวังโอกาสในการได้งานทั้งจากการเข้าร่วมประมูลด้วยตัวเอง และรับงานแบบ Sub Contract จากบริษัทที่ชนะการประมูลเนื่องจากทุกสัญญามีงานก่อสร้างอุโมงค์รถไฟ ซึ่งถือเป็นงานที่ RT มีความเชี่ยวชาญและปัจจุบันผลงานเป็นที่ยอมรับ ได้แก่ งานก่อสร้างอุโมงค์รถไฟทางคู่มาบกะเบา-จิระ ทั้ง 2 สัญญา ซึ่งสัญญาแรกดำเนินการไปแล้วกว่า 81.6% ขณะที่สัญญาที่สองเป็นงานเพิ่มเติม ดำเนินการไปแล้ว 3.3% นอกจากนี้คู่แข่งที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ยังมีน้อยราย

โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของ RT จากโอกาสในการรับงานในอนาคต ทั้งจากการว่าจ้างโดยตรงและการชนะการประมูล ด้วยการมีจุดเด่นในเรื่องของความเชี่ยวชาฯเฉพาะด้านท่ามกลางการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐที่คาดจะมีให้เห็นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้นอกโครงการข้างต้นแล้วยังมีงานอื่นๆ อาทิ โครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินในกรุงเทพมหานคร, โครงการกระทู้ป่าตอง จ.ภูเก็ต (งานอุโมงค์ถนน), โครงการผันน้ำขุนยวม (งานบริหารจัดการน้ำ) ฯลฯ ขณะที่ฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง โดยสิ้นปี 2563 บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 1.9 เท่า (หากไม่รวมเงินรับล่วงหน้าจากผู้ว่าจ้าง D/E Ratio จะอยู่ที่ 1.5 เท่า)