เปิด 2 ตัวท็อปกลุ่มแบงก์ โบรกฯแนะเพิ่มน้ำหนัก รับผลบวกมาตรการช่วยลูกหนี้สูงสุด!
เปิด 2 ตัวท็อปกลุ่มแบงก์ โบรกฯแนะเพิ่มน้ำหนัก รับผลบวกมาตรการช่วยลูกหนี้สูงสุด!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับปัจจัยบวกจาก 2 มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ COVID-19 ประกอบด้วยมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู ช่วยผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก หรือ SMEs อีกทั้งโครงการพักทรัพย์ พักหนี้
โดยนักวิเคราะห์มองว่าจะเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารเพราะช่วยลดภาระในการตั้งสำรอง ขณะที่การปรับเงื่อนไข Soft loan มองเป็นบวกเล็กน้อย เพราะจะส่งผลดีต่อสินเชื่อ ซึ่งจะช่วยจูงใจให้กลุ่มธนาคารสนใจเข้าร่วมปล่อยกู้ Soft loan เพิ่มขึ้น โดยการที่ธนาคารไม่มีภาระในการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น จะส่งผลดีต่อผลประกอบการในช่วงดังกล่าว และ NPL จะทรงตัว
ทั้งนี้ บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (24 มี.ค.) โดยให้คำแนะนำ “Overweight” กลุ่มธนาคารพาณิชย์ หลังจาก ครม.เห็นชอบ 2 มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ COVID-19 โดยเห็นชอบต่อมาตรการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 วงเงินรวม 350,000 ล้านบาท โดยมี 2 หมวด ดังนี้
1) มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู (Soft loan) วงเงิน 250,000 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบธุรกิจ SMEs โดยสถาบันการเงินจะคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ต่อปี ในช่วง 2 ปีแรกของสัญญา และเฉลี่ยไม่เกิน 5% ต่อปี โดย 6 เดือนแรกรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ และให้ บยส.ค้ำสินเชื่อ 40% ของพอร์ตสินเชื่อ
2) โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ วงเงิน 100,000 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรง แต่ยังมีศักยภาพและมีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน โดยผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิซื้อทรัพย์คืนเป็นลำดับแรกในราคาต้นทุน ภายในระยะเวลา 3-5 ปี เท่ากับราคาตีโอนบวกด้วยต้นทุนการถือครองทรัพย์ (carrying cost) 1% ต่อปีของราคาตีโอน โดยผู้ประกอบธุรกิจสามารถขอเช่าทรัพย์กลับมาดูแลหรือเปิดดำเนินการ และสถาบันการเงินจะนำค่าเช่าที่ได้รับไปหักออกจากราคาที่ขายคืนทรัพย์ให้กับลูกหนี้ เพื่อช่วยรักษาโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจไม่ถูกกดราคาบังคับขายทรัพย์ (fire sale) สามารถกลับมาสร้างงานและทำรายได้อีกครั้งเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย
Implication
มองเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารเพราะช่วยลดภาระในการตั้งสำรอง โดยมีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าวกับกลุ่มธนาคาร โดยเรื่องการปรับเงื่อนไข Soft loan มองเป็นบวกเล็กน้อย เพราะจะส่งผลดีต่อสินเชื่อ ซึ่งจะช่วยจูงใจให้กลุ่มธนาคารสนใจเข้าร่วมปล่อยกู้ Soft loan เพิ่มขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยยังไม่ได้จูงใจมากนักและอาจไม่คุ้มกับความเสี่ยงเรื่องหนี้เสีย ขณะที่โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ มองเป็นบวกมากกว่าเรื่อง Soft loan เพราะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวมีจำนวนมาก แต่คาดว่าจะมีคนเข้าร่วมโครงการไม่มากนัก เพราะอาจจะติดเรื่องสินทรัพย์ที่จะเข้าร่วมโครงการต้องเป็นสินทรัพย์ที่ดีมีคุณภาพ
อย่างไรก็ตามโรงแรมขนาดใหญ่ได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารอยู่แล้ว แต่สุดท้ายแล้วมองภาพรวมว่าจะสามารถช่วยให้กลุ่มธนาคารสามารถ freeze ลูกหนี้ที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวบางส่วนที่เข้าโครงการนี้ได้ ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารไม่มีภาระในการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น และ NPL จะทรงตัว
โดยคาดว่าหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้มากที่สุดเรียงจากสัดส่วนสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวคือ KBANK (ซื้อ/เป้า 160.00 บาท) และ SCB (ถือ/เป้า 92.00 บาท)
เลือก KBANK เป็น Top pick โดยกลุ่มธนาคาร ยังคงน้ำหนักเป็น มากกว่าตลาด โดยเลือก KBANK เป็น Top pick ราคาเป้าหมายที่ 160.00 บาท อิง 2564 PBV ที่ 0.85 เท่า (-1.50SD below 10-yr average PBV) เพราะ valuation ยังไม่แพงซื้อขายเพียง 0.8 เท่า PBV (-1.75SD below 10-yr average PBV)
ด้าน ราคา KBANK ปิดตลาดที่ระดับ 145 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.04 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus ซึ่งอยู่ที่ระดับ 152.8 บาท
ขณะเดียวกัน SCB วานนี้ปิดตลาดที่ระดับ 110 บาท ทรงตัวจากวันก่อนหน้าด้วยมูลค่าการซื้อขาย 574.26 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus ซึ่งอยู่ที่ระดับ 105.0 บาท
*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน