บลจ.กสิกรไทยเตรียมปันผลกอง ABPIFพร้อมส่วนลดทุนรวม 0.6119 บ./หน่วย
นายเขมชาติ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ครั้งที่ 4 สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 - 30 มิถุนายน 2558 ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนวันที่ 15 กันยายน 2558 (XD Date) ในอัตรา 0.2678 บาทต่อหน่วย พร้อมกันนี้กองทุนได้ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนของกองทุนรวมครั้งที่ 4 และจะจ่ายคืนผลตอบแทนส่วนลดทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ในอัตรา 0.3441 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้มูลค่าทุนจดทะเบียนลดลงเหลือ 8.4928 บาทต่อหน่วย
นายเขมชาติ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ครั้งที่ 4 สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 – 30 มิถุนายน 2558 ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนวันที่ 15 กันยายน 2558 (XD Date) ในอัตรา 0.2678 บาทต่อหน่วย พร้อมกันนี้กองทุนได้ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนของกองทุนรวมครั้งที่ 4 และจะจ่ายคืนผลตอบแทนส่วนลดทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ในอัตรา 0.3441 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้มูลค่าทุนจดทะเบียนลดลงเหลือ 8.4928 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้เมื่อรวมมูลค่าผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับทั้งในส่วนเงินปันผลและเงินลดทุน รวมเป็นอัตรา 0.6119 บาทต่อหน่วย คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 367.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ประมาณ 13.96% ของมูลค่าที่ตราไว้ (PAR) ที่ 8.8369 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ กองทุนมีกำหนดจ่ายเงินปันผลและคืนเงินลดทุนดังกล่าวในวันที่ 28 กันยายน 2558 นี้
กองทุน ABPIF เป็นการลงทุนในสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 และ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ที่มีรายได้หลักมาจากการทำสัญญาระยะยาวในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ทั้งนี้ ในรอบผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2558 ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ สามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากปัจจุบันปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน ทำให้ในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2558)
กองทุน ABPIF มีกำไรสุทธิซึ่งปรับปรุงแล้ว รวมมูลค่ากว่า 160.69 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 0.2678 บาทต่อหน่วยลงทุน ซึ่งเมื่อคำนวณจากอัตราการจ่ายปันผลในครั้งนี้ ในอัตรา 0.2678 บาทต่อหน่วย ถือได้ว่ากองทุนมีการจ่ายเงินปันผลในอัตราสูงถึง 100% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว
สำหรับกองทุน ABPIF เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2556 ด้วยมูลค่ากองทุน 6,300 ล้านบาท ถือเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานกองทุนที่ 2 ของประเทศไทยที่มีการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยจุดเด่นของกองทุนคือ มีการลงทุนในผลประโยชน์จากการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และลูกค้าชั้นดีในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จึงนับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจ ซึ่งตอบรับกับสภาวะตลาดในปัจจุบันที่มีความผันผวนสูง เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว และต้องการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ อาทิ หุ้น ตราสารหนี้
นักลงทุนจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทน 2 ส่วนคือ เงินปันผลและเงินลงทุนที่ทยอยจ่ายด้วยการลดทุน โดยผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาจะได้รับการยกเว้นภาษี ณ ที่จ่าย จากผลตอบแทน เป็นเวลา 10 ปี ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว และกองทุนพิจารณาจ่ายส่วนลดทุนคืนไม่เกินปีละ 2 ครั้ง จนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาตามสิทธิในการรับผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้า ทั้งนี้หากกองทุนไม่มีแผนการลงทุนในกิจการเพิ่มเติม กองทุนจะดำเนินการทยอยลดทุนจนกระทั่งสิ้นสุดอายุสัญญาดังกล่าว