37 หุ้นจี๊ด! “ยูโอบีฯ” แนะ “เก็งกำไร” รับปัจจัยหนุนเฉพาะตัว

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดส่งสัญญาณว่านักลงทุนมีความระมัดระวัง เนื่องจากหุ้นสหรัฐฯพลิกจากบวกเป็นลบ โดย DJIA, S&P และ Nasdaq ปรับลดลง -0.01%, -0.55% และ -2.01% ส่วนกลุ่มการเงินและพลังงานปรับดีขึ้น

ขณะที่ยังคงมีแรงทำกำไรในกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะ EV และ Semiconductor จากประเด็นความกังวลการขาดแคลนชิป (chip shortage) อาจกระทบต่อแนวโน้มการเติบโต ปริมาณการซื้อขายโดยรวมเบาบางลง ทั้งนี้การแข็งค่าต่อเนื่องของเงินเหรียญสหรัฐฯ ทั้งที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เริ่มทยอยปรับลดลง ส่งสัญญาณว่านักลงทุนบางกลุ่มมีความกังวลและเพิ่มความระมัดระวังในระยะสั้น

ดังนั้นยังคงมุมมองระมัดระวังต่อหุ้นในกลุ่มที่ขึ้นมาจากสถานการณ์โควิดปีก่อน และเลือกเก็งกำไรรายตัวในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ แต่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน

ทางด้าน กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายแต่ปรับลดประมาณการและตัวเลขนักท่องเที่ยว ผลการประชุมคงดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด อย่างไรก็ตามมีการปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจลง ทั้ง GDP ปี 2564-2565 ที่ 3.0% และ 4.7% (จากเดิมประเมินไว้ 3.2% และ 4.8%) ขณะที่ปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกเป็น 10% จาก 5.7% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทั้งนี้ GDP ที่ปรับลงโดยหลักมาจากการปรับประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติลงเหลือ 3 และ 21.5 ล้านราย (จาก 5.5 และ 23 ล้านราย) ซึ่งจะยังคงเป็นปัจจัยลบกดดันต่อกลุ่มท่องเที่ยวและหุ้นที่พึ่งพิงต่างชาติ

อย่างไรก็ตามตลาดจะเริ่มให้น้ำหนักกับผลประกอบการไตรมาส 1/2564 มากขึ้น การระบาดระลอกใหม่ในยุโรป และการพบคลัสเตอร์ใหม่ๆในไทย ทำให้ความเสี่ยงของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการเปิดประเทศอาจล่าช้าออกไป ซึ่งจะกระทบมากกับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว หรือหุ้นที่จำเป็นต้องพึ่งพาเม็ดเงินและกำลังซื้อจากการเดินทางมาของต่างชาติ ขณะที่ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังน่าจะขาดทุนต่อเนื่องอีกหลายไตรมาส ทำให้ประเด็นการเก็งกำไรของกลุ่มเปิดประเทศอาจจะซาลง และนักลงทุนจะเริ่มมองไปยังผลประกอบการไตรมาส 1/2564 มากขึ้น ซึ่งประเมินหุ้นพลังงาน, ปิโตรเคมี ในภาพรวมจะมีแนวโน้มที่ดี หุ้นที่ประเมินน่าจะรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกโดดเด่น ได้แก่ SCC, BANPU, SUPER, TVO, PTT, FTREIT, WHART

สำหรับเลือกเก็งกำไรรายตัว โดยธีมที่น่าสนใจ อาทิ (1) กลุ่มท่องเที่ยว-ธนาคาร จากการผ่อนคลายเศรษฐกิจ และมาตรการออก REIT buy back โดยชอบธนาคารที่ยัง Laggard ได้แก่ BBL, SCB, AWC, MINT, CPN, BDMS (2) กลุ่มเปิดเศรษฐกิจ บวกต่อ ได้แก่ CPN, CRC, MAJOR, SPA, BDMS, M (3) ได้ประโยชน์จากเราชนะเป็น TNP เนื่องจากเป็นร้านค้าธงฟ้า (4) ไฟฟ้าชุมชน ยื่นซอง 22 มี.ค.-2 เม.ย. 2564 มองบวกต่อพลังงานทดแทน โดยเฉพาะ ETC, ACE (5) Re-rating เป็น PTG (6) ปันผลและกองรีทส์  ได้แก่ ADVANC, BTSGIF, CPNREIT, AIMIRT, FTREIT, EASTW, WHAUP, TTW, TIP และ (7) กลุ่มพลังงาน ปิโตรฯ ได้แก่ PTT, PTTGC, IVL, TOP ส่วน SCC ยังขึ้นน้อยที่สุดใน 1 ปี ที่ผ่านมา

ภาพรวมกลยุทธ์ ยังคงมุมมองบวกต่อภาพระยะกลาง ระยะสั้นเน้นเก็งกำไรรายตัว และทยอยสะสมหุ้นปันผลสูง กองรีทส์ที่มีการถือครองต่ำ รวมถึงหุ้นที่ยังขึ้นน้อย การเก็งกำไรกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ควรกำหนดจุดตัดขาดทุนและแผนบริหารความเสี่ยงจากความผันผวน