ATP30 คงเป้ารายได้ปีนี้ที่ 270 ลบ. เผยอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าใหม่ 5 ราย
ATP30 คงเป้ารายได้ปีนี้มาที่ 270 ลบ. จาก 235 ลบ. ในปีก่อน เผยอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าใหม่ 5 ราย ที่มีความต้องการใช้รถ 40-50 คัน มูลค่างาน 400 ลบ. คาดเซ็นสัญญาได้เดือน ต.ค. นี้ ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดรถรับส่งบุคลากรให้เป็น 4% ในปี 60 จากปัจุบัน 2%
นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) หรือ ATP30 เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าใหม่เพิ่มอีกจำนวน 5 ราย ในเขตนิคมอุตสาหกรรม จ.ชลบุรี และจ.ระยอง ที่มีความต้องการใช้รถรับส่งบุคลากรจำนวนประมาณ 40-50 คัน มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท
โดยคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาเพื่อให้บริการได้ภายในเดือนต.ค.นี้ และจะเริ่มให้บริการและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 1/59 โดยการเพิ่มขึ้นของลูกค้าและปริมาณการให้บริการดังกล่าวจะส่งผลต่องานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นมาที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปี 59 ไปจนถึงปี 63
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด (Market share) รถรับส่งบุคลากรให้เป็น 4% ในปี 60 จากปัจุบันอยู่ที่ 2% จากมูลค่ารวมของตลาดที่มีอยู่ราว 10,000 ล้านบาท มาจากการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการหาลูกค้าได้มากขึ้นอีก 3-4 รายต่อปี ซึ่งแต่ละรายมีความต้องการใช้รถรับส่งบุคลากรจำนวนประมาณ 5-10 คัน สามารถสร้างรายได้ไม่น้อยกว่าคันละ 1.5 แสนบาทต่อปี จากก่อนหน้านี้มีความสามารถบริการลูกค้าได้ 1-2 รายต่อปีเท่านั้น
อีกทั้งในปี 60 บริษัทจะขยายศูนย์ซ่อมบำรุง เพื่อรองรับงานซ่อมบำรุงรถขนาดใหญ่ภายนอก จากเดิมที่มีเพียงบริการซ่อมบำรุงรถของบริษัทเองเท่านั้น
ทั้งนี้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตได้มาที่ 270 ล้านบาท จาก 235 ล้านบาทในปีก่อน และกำไรสุทธิน่าจะดีกว่าระดับ 8 ล้านบาทในปีก่อน จากการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น และการบริหารจัดการต้นทุนค่าบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ช่วงไตรมาส 3/58 บริษัทจะลงนามต่อสัญญาให้บริการกับลูกค้าเดิมจำนวน 3 รายที่จะหมดสัญญาในปีนี้ โดยมีมูลค่าสัญญารวม 73 ล้านบาท
“เรายังคงเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตมาที่ 270 ล้านบาท จากการมุ่งเน้นสร้างรายได้ให้เติบโต และบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับต่ำ ด้วยการจัดโครงสร้างทางการเงินให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น”นายปิยะ กล่าว
สำหรับการเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกันนั้น ที่ผ่านมาก็มีผู้มาเสนอขายกิจการให้แก่บริษัทฯ แต่บริษัทยังไม่มีความสนใจในระยะนี้ เนื่องจากบริษัทยังสามารถขยายธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ได้อีกมาก อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้ปิดโอกาสในการเข้าซื้อกิจการหากมีความเหมาะสม