POST กับจิราธิวัฒน์
การเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดของอดีตยักษ์ใหญ่สื่อสิ่งพิมพ์ภาษาอังกฤษที่เคยทรงอิทธิพลอย่างมากนับแต่ยุค สงครามเย็น จนถึงล่าสุดต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนหนีตายอย่างเครือข่ายหนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์ สะท้อนยุคสมัยที่เปลี่ยนไปชัดเจนยิ่ง
พลวัตปี 2021 : วิษณุ โชลิตกุล
การเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดของอดีตยักษ์ใหญ่สื่อสิ่งพิมพ์ภาษาอังกฤษที่เคยทรงอิทธิพลอย่างมากนับแต่ยุค สงครามเย็น จนถึงล่าสุดต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนหนีตายอย่างเครือข่ายหนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์ สะท้อนยุคสมัยที่เปลี่ยนไปชัดเจนยิ่ง
ล่าสุด หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นานกว่า 30 ปี บริษัท บางกอกโพสต์ จำกัด (มหาชน) ก็ถูกตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย NC ด้วยสาเหตุ ส่วนผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์ ส่งผลให้บริษัทเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนตามข้อกำหนด ตลท.
ในงบการเงินสิ้นงวดปี 2563 POST มีตัวเลข ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ 241.0 ล้านบาท กำไรสะสมติดลบกว่า 1,600 ล้านบาท แล้วยังมีแนวโน้มขาดทุนต่อเนื่องอีกในปีนี้ ทางออกที่เกิดขึ้นโดยมติกรรมการล่าสุดคือไม่ใช่การเพิ่มทุนใหม่ เพราะเพิ่มไปก็ต้องทำให้บุ๊กแวลูแย่กว่าเดิม เนื่องจากส่วนต่ำมูลค่าหุ้นจะเกิดขึ้นกดดันต่อไป
การตัดสินใจที่เจ็บปวดจึงเป็นการขายทรัพย์สินที่มีอยู่ออกจากมือ เป็นการ “ตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต” เพียงแต่แปลกไปตรงที่ผู้ซื้อทรัพย์สินออกไปคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ตระกูลจิราธิวัฒน์นั่นเอง เหลือไว้แต่สินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้แต่หัวหนังสือพิมพ์ และนิตยสารในเครือข่ายเท่านั้นเอง
แถมยังไม่ใช่การซื้อขายธรรมดา เพราะการขายทำให้ POST ต้องเช่าทรัพย์สินเดิมกลับคืนมา ทั้งอาคารที่ทำการ และโรงพิมพ์ รวมถึงการช่วยเหลืออัดฉีดเงินสดเสริมสภาพคล่อง
ผลพวงจากการนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องประโยชน์ทับซ้อน แต่ยังรวมความถึงอนาคตของ POST ที่เปรียบเสมือน “ลูกไก่ในกำมือ” ของตระกูลจิราธิวัฒน์
ไม่ใช่ลูกไก่ธรรมดา แต่เป็นลูกไก่ที่เข้าข่ายโคม่าในห้อง ICU เลยทีเดียว
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2563 ที่จะมีขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พิจารณาอนุมติการทำรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ต่อไปนี้ คือ
1) ศูนย์การพิมพ์และจัดจําหน่าย (บางนา) ตั้งอยู่ที่ตําบลบางโฉลง อําเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ประกอบด้วย อาคารและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน 19 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา และเครื่องพิมพ์ และอุปกรณ์การพิมพ์ 20 ชุด
2) อาคารสำนักงาน (คลองเตย) ประกอบด้วยที่ดิน และอาคารสำนักงาน อยู่เลขที่ 136 ถนน ณ ระนอง แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยที่ดิน 7 ไร่ 64.0 ตารางวา และอาคารสำนักงาน ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นอาคารสำนักงานใหญ่
มูลค่าการซื้อขายโรงพิมพ์และอาคารสำนักงาน สองรายการรวมกัน 1,472.85 ล้านบาท โดยอ้างเหตุผลว่ายึดตามมูลค่าของราคาประเมิน โดยอ้างว่าได้ทำการออกประกาศและมีการดำเนินการจัด การประกวดราคาทรัพย์สินไปแล้ว หาผู้ที่สนใจซื้อทรัพย์สินทั้งสองรายการไปแล้ว แต่มีคนให้ความสนใจเพียงแค่ 3 ราย และแต่ละรายก็เสนอราคาซื้อต่ำกว่าราคาประเมินมาก รวมทั้งเสนอซื้อทรัพย์สินเพียงบางรายการเท่านั้น ไม่ซื้อทั้งหมด
คณะกรรมการ เปิดเผยอีกว่า มีคนเสนอราคาซื้อโรงพิมพ์ที่บางนา ในราคาต่ำมากเพียงแค่ 258 ล้านบาท แต่ไม่มีใครสนใจเสนอราคาสำหรับ อาคารสำนักงาน (คลองเตย) เลย
จากการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น ได้กระทำหลายครั้ง แต่ความสนใจจากผู้ที่จะซื้อทรัพย์สินลดน้อยลง …ความล้มเหลวจะขายทรัพย์สิน ทำให้ปีที่ผ่านมา POST ต้องยืมเงินสดจากประธานบริษัท นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ มาเสริมสภาพคล่อง 265 ล้านบาท
เมื่อจนแต้ม เพราะสินทรัพย์ขายไม่ออก และหนทางเพิ่มทุนยังทำได้ยาก มือของนักบุญ “อย่างนายสุทธิเกียรติจึงยื่นเข้ามาเสนอราคาซื้อขายให้ POST” อันเป็นข้อเสนอที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงเกิดขึ้น พร้อมกับเงื่อนไขให้ POST เช่ากลับทรัพย์สินที่ขายออกมากลับคืน ในค่าเช่าที่คณะกรรมการเห็นว่า “เหมาะสม” ตามมา
การขายทรัพย์สินด้วยมูลค่าสูงเกินกว่าราคาตลาด (ตามอ้าง) จะช่วยให้ POST สามารถแก้ปัญหาส่วนผู้ถือหุ้นติดลบได้มากน้อยเพียงใด และค่าเช่าทรัพย์สินจากนายสุทธิเกียรติ และตระกูลจิราธิวัฒน์จะคุ้มค่ามากเพียงใดในระยะยาว เป็นเรื่องรายละเอียดที่บรรดาผู้ถือหุ้นของ POST ต้องพิจารณาก่อนไปร่วมประชุมสามัญบริษัทเอาเอง
ที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยก็คือ อิทธิพลที่มากมายของตระกูลจิราธิวัฒน์ที่โอบอุ้มให้ POST รอดจากการล่มสลายวันนี้ ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของสตอรี่ที่ยังต้องดำเนินต่อไป
ความเป็นไปได้มากสุด ที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไป คือโอกาสที่จะเกิดดีล M&A ระหว่างกลุ่มจิราธิวัฒน์ และกลุ่มทุนใหม่ที่จะเข้ามารับช่วงต่อ ภายใต้เงื่อนไขการเจรจาที่จะสร้างความฮือฮาในอนาคตอันใกล้ น่าจะเกิดขึ้นให้เห็นในอีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า……ภายใต้เงื่อนไขว่า ตัวเลขขาดทุนของ POST ยังไม่กระเตื้องขึ้นมาได้อีก
เหตุผลเพราะตอนนี้ทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้จะยิ่งเสื่อมค่าลงในอัตราเร่งมากขึ้น ในขณะที่คนถือทรัพย์สินที่จับต้องได้ สามารถถอนทุนคืนได้บ้างในลักษณะ “กำขี้ ดีกว่ากำตด” อยู่แล้ว
กลุ่มนายสุทธิเกียรติ และจิราธิวัฒน์ คงจะไม่ยอมล่มสลายไปกับสินทรัพย์ที่นับว่าเสื่อมค่าลงเช่นนี้เป็นแน่แท้……เว้นเสียแต่ด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่ เหตุผลทางธุรกิจ