น้ำมันดิบปิดพุ่งหลังสต็อกสหรัฐฯร่วง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงอย่างพลิกความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 2.56 ดอลลาร์ ปิด (16 ก.ย.) ที่ 47.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.75 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 455.9 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 54.5 ล้านบาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 217.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 200,000 บาร์เรล และต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 154 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล สำหรับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.2% สู่ระดับ 93.1% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.5%

ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมเฟดในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่นักลงทุนบางส่วนคาดว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวลดลง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลง 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะทรงตัวในเดือนส.ค.

Back to top button