PHOL ทะยาน 13% รับอานิสงส์โควิดรอบใหม่ หนุนยอดขายสินค้า SAFETY พุ่ง

PHOL ทะยาน 13% รับอานิสงส์โควิดรอบใหม่ หนุนยอดขายสินค้า SAFETY พุ่ง ล่าสุดอยู่ที่ 3.42 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 13.25% มูลค่าซื้อขาย 188.78 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ผลธัญญะ จำกัด (มหาชน) หรือ PHOL ล่าสุด ณ เวลา 14.49 น. อยู่ที่ 3.42 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 13.25% สูงสุดที่ 3.76 บาท ต่ำสุดที่ 3.06 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 188.78 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น PHOL ปรับตัวขึ้น นักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร คาดเก็งรับอานิสงส์ยอดผู้ติเชื้อในประเทศปรับตัวขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าในกลุ่ม SAFETY ขยายตัวตามไปด้วย

โดยก่อนหน้านี้นายบุญชัย สุวรรณวุฒิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PHOL เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของบริษัทในปี 64 ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 10-15% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการสินค้าด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้งานต่อเนื่องในสถานการณ์โควิด-19 ระบาด

ทั้งนี้ สินค้ากลุ่ม SAFETY ยังมีความจำเป็นต้องใช้ต่อเนื่อง ตามรูปแบบวิถีการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนแบบปกติใหม่เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 สินค้าเหล่านี้ยังอยู่ในความต้องการของตลาด โดยในปี 2564 บริษัทจะรุกตลาดลูกค้าคอนซูมเมอร์มากขึ้น ผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เน้นการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาดผู้บริโภคยุคปัจจุบันมากขึ้น เช่น การเพิ่มแฟชั่นความสวยงาม ทันสมัย ควบคู่กับคุณสมบัติด้านความปลอดภัย จากเดิมที่เน้นความปลอดภัยในอุตสาหกรรมเป็นหลัก และการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ทั้งของบริษัทเอง และการขายผ่าน Marketplace ของผู้ให้บริการภายนอก

ด้านสินค้าควบคุมสภาพแวดล้อม (CE) ยังมีความต้องการใช้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้รับอานิสงส์จากรูปแบบ Work From Home และเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ภาคการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยบริษัทมุ่งเน้นการบริหารซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ สามารถรักษากลุ่มลูกค้าเดิมและเพิ่มโอกาสขยายฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมอื่น ที่ยังมีส่วนแบ่งการตลาดไม่มากนัก

สำหรับธุรกิจด้านระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค (Water) ถึงแม้ว่าปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานจะไม่ได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่เลื่อนโปรเจ็กต์ออกไป แต่ถือว่าประสบความสำเร็จที่มีรายได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปี 2564 คาดว่าจะยังสามารถเติบโตได้ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ มองว่าในอนาคตปัญหาด้านทรัพยากรน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ การใช้น้ำทั้งภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และประชาชนทั่วไปอาจมีข้อจำกัด อีกทั้งภาครัฐที่ออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรและจัดการทรัพยากรน้ำมีแนวโน้มเข้มงวดขึ้น ทำให้ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการน้ำเพิ่มขึ้น

Back to top button