บอร์ด PRM ไฟเขียวเทคฯ “ไทยออยล์มารีน” วงเงินไม่เกิน 900 ลบ.
บอร์ด PRM ไฟเขียวเทคฯ "ไทยออยล์มารีน" วงเงินไม่เกิน 900 ลบ.
บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ระบุว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 15/2563ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ได้มีมติอนุมัติให้ บริษัท ภูริช มารีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เพื่อเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ บริษัท ไทยออยล์ มารีน จำกัด ในราคาซื้อขายหุ้นเบื้องต้นทั้งสิ้น 346.50 ล้านบาท โดยราคาซื้อขายหุ้นเบื้องต้นอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับมูลค่าของเงินสดและหนี้สินของบริษัท ไทยออยล์มารีน จำกัด และ บริษัท ท็อป มารีไทม์ เซอร์วิส จำกัด ณ วันที่การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ (Closing Date) และเงื่อนไขอื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้น นั้น
ทั้งนี้ บริษัท ภูริช มารีน จำกัด (ผู้ซื้อ) และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (ผู้ขาย) ได้ดำเนินการตกลงราคาซื้อขาย ณ วันที่การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ (Closing Date) แล้ว โดยค านวณตามมูลค่าเงินสดที่เพิ่มขึ้นจากเงินปันผลรับและจากการขายหุ้นทั้งหมดใน Thaioil Marine International Pte.Ltd.ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ไทยออยล์มารีน จำกัด ให้แก่ผู้ขาย โดยมีการนำเงินสดรับดังกล่าวไปชำระหนี้ของบริษัท ไทยออยล์มารีน จำกัด และบริษัท ท็อป มารีไทม์ เซอร์วิส จำกัด จำนวน 330.82 ล้านบาท ซึ่งเป็นการชำระคืนตามรอบระยะเวลาการชำระหนี้ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 เป็นผลให้คงเหลือเงินสดรับมาจำนวน 237.37 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการหักรายการต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นอีกจำนวน 56.17 ล้านบาท จึงทำให้มูลค่าการซื้อขายหุ้นของบริษัท ไทยออยล์มารีน จำกัด เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 512.02 ล้านบาท
ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2564 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 จึงได้มีมติอนุมัติให้บริษัท ภูริช มารีน จำกัด เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ไทยออยล์มารีน จำกัด ในราคาซื้อขาย ณ วันที่การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ (Closing Date) ทั้งสิ้นไม่เกิน 900 ล้านบาท โดยผู้ซื้อและผู้ขายตกลงให้วันที่ 30 เมษายน 2564 เป็นวันที่การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ (Closing Date)
ทั้งนี้ เมื่อคำนวณขนาดรายการข้างต้นใหม่ตามเกณฑ์มูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ (NTA) ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่คำนวณได้ค่าสูงที่สุด รายการมีขนาดเท่ากับร้อยละ 11.53 ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ (NTA) ของบริษัท (มูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ (NTA) ของบริษัท ณ วันที่ 31ธันวาคม 2563 เท่ากับ 6,683.88 ล้านบาท) โดยมีรายละเอียดเปรียบเทียบกับขนาดรายการเดิม ดังนี้