BAY คาดสินเชื่อบ้าน Q2/64 ชะลอตัว รับผลกระทบโควิด มองเริ่มฟื้นครึ่งปีหลัง
BAY มองแนวโน้มสินเชื่อบ้าน Q2/64 ชะลอตัว รับผลกระทบโควิด มองเริ่มฟื้นครึ่งปีหลัง
นายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า แนวโน้มของภาพรวมสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 2/64 คาดว่าจะชะลอตัวจากไตรมาส 1/64 ส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ในครั้งนี้ที่มีผลกระทบต่อการซื้อและการโอนที่อยู่อาศัยในช่วงที่โควิด-19 ยังมีการแพร่ระบาด
อีกทั้งในช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี โดยปกติถือว่าเป็นช่วงที่การซื้อและการโอนที่อยู่อาศัยไม่มากอยู่แล้ว ทำให้การปล่อยสินเชื่อจะชะลอตัวลงด้วย แต่มองว่าหากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศคลี่คลายลงมากขึ้นก่อนเข้าสู่ไตรมาส 3/64 จะทำให้ช่วงครึ่งปีหลังคงได้เห็นการฟื้นตัวของสินเชื่อที่อยู่อาศัยกลับมาได้ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังของทุกปีผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเดินหน้าโอนโครงการมากขึ้น และมีการกระตุ้นการขายในช่วงปลายปี ซึ่งจะสนับสนุนให้สินเชื่อที่อยู่ศัยในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 1/64 ทิศทางสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารเติบโตจากไตรมาส 4/63 โดยเฉพาะการขอสินเชื่อเพื่อซื้อโครงการแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์คาดว่าจะมาจากปัจจัยของการที่มีการทำงานที่บ้านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจซื้อโครงการ และความต้องการของคนที่เลือกซื้อบ้านอยากได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แม้ว่าจะต้องอยู่ในทำเลที่ออกไปเกือบชานเมืองก็ตาม อีกทั้งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังออกแคมเปญกระตุ้นตลาดออกมาต่อเนื่อง ทั้งการจัดโปรโมชั่นและลดราคา ทำให้ช่วยกระตุ้นการซื้อที่อยู่อาศัยได้มากในช่วงปลายปีก่อนมาถึงไตรมาสแรกของปีนี้
ทั้งนี้ ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี 64 ไว้ตามเดิม โดยที่สินเชื่อปล่อยใหม่ยังคาดว่าจะเติบโตได้ 3-5% และสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างจะเติบโต 3-7% แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามดูสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร หากมีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นลากยาว จนกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างมาก อาจจะมีการพิจารณาแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่ออีกครั้ง
“โควิดยังเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะมีผลต่อแนวโน้ม แม้ว่าในตอนนี้คนจะเริ่มรับรู้และเข้าใจมากขึ้นแล้ว แต่ก็มีผลต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจซื้อบ้าน แม้ว่าจะมีแคมเปญกระตุ้นออกมาแต่หากคนยังไม่มั่นใจก็อาจจะยังชะลอการซื้อหรือจะกู้เงินระยะยาวก็อาจจะชะลอไปได้ แม้ว่าตอนนี้ดอกเบี้ยบ้านก็ถูกมาก แต่ต้องยอมรับว่าตอนนี้ตลาดมีผู้ซื้ออยู่จำกัด ทำให้เราต้องปรับกลยุทธ์มาโฟกัสให้ถูกจุด และจะไม่กระตุ้นหรือเร่งมากถ้าตลาดยังไม่พร้อม” นายณัฐพล กล่าว
ขณะที่การพิจารณาสินเชื่อของธนาคารยังคงเป็นตามเกณฑ์ปกติ แต่การที่อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่ยังอยู่ในระดับสูงนั้นอาจจะเป็นเพราะความสามารถในการกู้ของลูกค้าที่ลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ธนาคารนำมาพิจาณา อย่างเช่น รายได้ อาชีพ และหนี้ที่ลูกค้ามี เป็นต้น แม้ว่าธนาคารจะต้องการให้ลูกค้าที่เข้ามาเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น แต่ธนาคารจะต้องพิจารณาในการปล่อยกู้ไปตามเกณฑ์ของธนาคาร และยังต้องระมัดระวังในการควบคุมคุณภาพหนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของธนาคาร แม้ว่าสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในกลุ่มสินเชื่อปัจจุบันจะยังทรงตัวก็ตาม