เปิด 3 หุ้นรพ. หลบภัย “Sell in May”-รับประโยชน์โควิด-19 ระบาด!

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2553-2562) SET ได้รับผลกระทบจาก “sell-in-May” และทำ ให้ผลตอบแทนรายเดือนลดลงมากถึง ลดลง 1.7% โดยเฉลี่ย (ต่ำที่สุดใน 12 เดือน) และทำให้เกิดคำถามในกลุ่มนักลงทุนว่า ตลาดควรกังวลผลของ “Sell-in-May” ไหม?
สาเหตุจากเหตุผล 1) สถิติ. และ 2) ผลตอบแทนที่สูงในช่วง ม.ค. – เม.ย. จากสถิติ กลุ่มหลักบางกลุ่มมีการปรับตัวลงตามฤดูกาลในพ.ค. อย่าง พลังงาน, ICT และ อิเลคโทรนิค

ขณะที่บางกลุ่มมีผลตอบแทนสะสมในช่วงม.ค. – เม.ย. ซึ่งทำให้มีโอกาสที่ มีผลตอบแทนเป็นลบสูงในช่วงพ.ค. ส่วนธนาคารและพาณิชย์ แต่ข้อมูลได้แสดงว่าหลาย กลุ่มสามารถต้านทานแรงขายได้ในพ.ค. ได้ และขนส่ง, อาหาร, วัสดุก่อสร้าง, โรงพยาบาล , ปิโตรเคมี, ไฟแนนซ์, สื่อ, ท่องเที่ยวและธุรกิจการเกษตร 2564 อาจเป็นปีพิเศษ นอกจากปี 2563

ส่วนของปีนี้ SET เพิ่งฟื้นจากการขายที่รุนแรงในปี 2563 และตอนนี้ Covid-19 ระบาดเป็นครั้ง ที่ 3 อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ SET ไปอยู่ในจุดที่เฉพาะ โดยผลตอบแทนจากต้นปีถึงปัจจุบันของ SET และรายกลุ่มอยู่ในระดับที่ดี (SET เพิ่มขึ้น 8.5%) เดือนพ.ค. อาจเป็นเดือนที่อันตราย หากแรงขายแบบตื่นตระหนกไม่สามารถดึงหุ้นไทยให้ลงได้มากพอก่อนสิ้นเดือนเม.ย.

ดังนั้นหุ้นโรงพยาบาล ได้แก่ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH , บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือCHG , บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS จะต้านทานผลของ “Sell-in-May” ได้ เพื่อปกป้องผลตอบแทนของพอร์ตที่นักลงทุนได้สะสมตั้งแต่ต้นปี 2564 และจาก Covid-19 ในเวลาเดียวกัน โดยมองการถือหุ้นในกลุ่มที่ไม่อ่อนไหวต่อ “Sell-in-May” และได้ประโยชน์จากจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่สูงขึ้นจะเป็นกลยุทธ์ที่ดี หุ้นกลุ่ม รพ.เป็นกลุ่มที่โดดเด่น