100 วันแรกของ ‘โจ ซึมเซา’
โจ ไบเดน เคยถูกอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปรามาสในระหว่างการหาเสียงว่าเป็น “Sleepy Joe” หรือ “โจ ซึมเซา” และหลายคนยังได้กังขาเรื่องอายุ และ เคยมีคนแสดงความกังวลเมื่อไบเดนชนะเลือกตั้งว่า จะเป็น ข่าวร้ายทางเศรษฐกิจสำหรับตลาดหุ้นและระบบเศรษฐกิจอเมริกันทั้งหมด แต่ทว่าเมื่อดูจากผลงานในรอบ 100 วันหลังเข้ารับตำแหน่ง กลับพบว่า เขาเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่เป็นมิตรที่ดีที่สุดต่อตลาดหุ้นเท่าที่เคยมีมา
กระแสโลก : ฐปนี แก้วแดง
โจ ไบเดน เคยถูกอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปรามาสในระหว่างการหาเสียงว่าเป็น “Sleepy Joe” หรือ “โจ ซึมเซา” และหลายคนยังได้กังขาเรื่องอายุ และ เคยมีคนแสดงความกังวลเมื่อไบเดนชนะเลือกตั้งว่า จะเป็น ข่าวร้ายทางเศรษฐกิจสำหรับตลาดหุ้นและระบบเศรษฐกิจอเมริกันทั้งหมด แต่ทว่าเมื่อดูจากผลงานในรอบ 100 วันหลังเข้ารับตำแหน่ง กลับพบว่า เขาเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่เป็นมิตรที่ดีที่สุดต่อตลาดหุ้นเท่าที่เคยมีมา
ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 46 ไบเดนทำผลงานดีกว่าประธานาธิบดีคนก่อน ๆ เมื่อย้อนไปถึงปี ค.ศ.1950 เป็นอย่างน้อย และย้อนไปถึงคณะบริหารของประธานาธิบดี ดไวต์ ไอเซนฮาวร์ โดยในช่วง 100 วันแรกของเขา วอลล์สตรีทเติบโตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเมื่อวัดจากช่วงเลือกตั้ง
แม้ว่ายังไม่รู้ว่าความสัมพันธ์อันอบอุ่นกับตลาดหุ้น จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ เนื่องจากนักลงทุนต้องวิเคราะห์ถึงปัจจัยลบหลาย ๆ อย่างที่อาจจะเกิดขึ้นจากนโยบายของเขา ไม่ว่าจะเป็นนโยบายขึ้นภาษีกำไรที่ได้จากการขายหลักทรัพย์ (Capital Gains) หรือ ระเบียบที่เกี่ยวกับนโยบายด้านสภาวะอากาศที่สุดแสนจะทะเยอทะยาน และการคุกคามที่จะเกิดจากความร้อนแรงเกินไปของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เป็นผลจากการใช้จ่ายเงินอย่างมหาศาล
อย่างไรก็ดี จอห์น นอร์แมนด์ นักกลยุทธ์ของเจพี มอร์แกน เชส กล่าวว่า 100 วันแรกของไบเดน ได้มอบผลตอบแทนหุ้นหลังการเลือกตั้งดีที่สุดในรอบ 75 ปี เป็นอย่างน้อย เนื่องจากมีการกระตุ้นทางการคลังสูงเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าจะมีการใช้คำสั่งของฝ่ายบริหารมากก็ตาม ผลที่เกิดขึ้นจึงถือว่าไม่เลวเลยสำหรับคนที่ทรัมป์เคยดูแคลนว่าเป็น “โจ ซึมเซา”
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น 24.1% นับตั้งแต่วันเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ดีกว่าการดีดตัวของดัชนีในสมัยประธานาธิบดีคนก่อน ๆ ได้อย่างง่ายดาย
เมื่อย้อนกลับไปถึงปี 2496 ซึ่งเป็นการเริ่มต้นสมัยของไอเซนฮาวร์ คณะบริหารชุดเดียวที่ถือว่าทำผลงานให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้เทียบเคียงกับไบเดนมากสุด คือ คณะบริหารของประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ซึ่งในช่วง 100 วันแรก ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น 18.5%
แม้แต่ทรัมป์ ซึ่งมักโอ้อวดว่าเขาเก่งในเรื่องหุ้น ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ก็ปรับตัวขึ้นเพียงแค่ 11.4% ในช่วง 100 วันแรก
อย่างไรก็ดี การตัดสินจากดัชนีในช่วงต้นของการเป็นประธานาธิบดีก็อาจจะไม่ถูกต้องมากนัก ในกรณีของไบเดน มันมีความยากเป็นพิเศษที่จะวัดว่าตลาดมีปฏิกิริยาต่อเขาเป็นพิเศษหรือไม่ หรือเพียงแต่โหนกระแสที่ตลาดหุ้นได้เริ่มคึกคักมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2563 และได้ส่งสัญญาณชะลอตัวลงเป็นครั้งคราวเท่านั้น นับตั้งแต่นั้นมา
นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า ใครก็ตามที่มาเป็นประธานาธิบดีในปีนี้จะเจอปัญหาค่อนข้างมาก เนื่องจากมันถึงจุดที่จะต้องทำ ที่ไม่ใช่แค่ไม่ให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้น แต่ยังจำเป็นต้องทำให้สิ่งที่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จ ให้มันดีขึ้น
ว่ากันตามจริงแล้ว ไม่มีประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใดที่เจอปัญหามากเท่าที่ไบเดนได้รับมอบมาในเดือนมกราคม
สภาคองเกรสได้จัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้แล้วมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ และธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ผ่อนคลายนโยบายมากสุดในประวัติศาสตร์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ แล้ว มีการใช้จ่ายเงินไปแล้วมากกว่า 5.3 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อบรรเทาทุกข์ที่เกี่ยวกับโควิด-19 และการซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ทำให้งบดุลเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า จนใกล้จะถึง 8 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว
แต่การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานที่อาจจะเกิดขึ้นอีกหลายล้านล้านดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนยิ่งมีเหตุผลที่จะนำเงินเข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังกำลังฉีดวัคซีนได้ประมาณ 3 ล้านคนต่อวัน จึงทำให้เกิดความหวังว่า การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะกลับมามีชีวิตชีวามากขึ้น
ข้อมูลจากแบงก์ ออฟ อเมริกา ชี้ว่า ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นจากปีก่อนประมาณ 48% และไม่ได้ย่อตัวลงแรงเลยในรอบกว่า 6 เดือน โดยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงมีนาคม นักลงทุนเทเงินเข้ากองทุนหุ้นมากกว่าในช่วง 12 ปีก่อนหน้า และยิ่งกว่านั้น 96% ของบริษัทอเมริกันที่อยู่ในดัชนี Wilshire 5000 มีผลตอบแทนเป็นบวกในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าตลาดจะมีความผันผวนมากเป็นพิเศษในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ต้องมองในช่วง 100 วันข้างหน้ากันต่อว่า จะเป็นอย่างไร ตลาดหุ้นจะปรับฐานลงหรือไม่ ไบเดนจะสามารถเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งได้หรือไม่ หรือจะเกิดความผิดพลาดทางนโยบายอื่น ๆ อีกหรือไม่ เช่นว่า จะหาเงินมาจากไหนมาอุดการขาดดุลงบประมาณที่น่าจะสูงถึง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และจะสามารถบริหารจัดการวัคซีน จนเอาชนะโควิด-19 ได้ในท้ายที่สุดหรือไม่
ผลงาน 100 วันแรกอาจจะยังไม่สามารถสรุปได้เต็มปากเต็มคำว่า ไบเดนสอบผ่าน และมีประสิทธิภาพในการบริหารประเทศจริงหรือไม่ แต่ถ้าเทียบกับผลงานของนายกประยุทธ์ ที่เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 9 มิถุนายน 2562 ต้องยอมรับโดยดุษฎีว่าผลงานเขาโดดเด่นและเห็นชัดกว่ากันเยอะ
ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดวันที่ 10 มิถุนายน 2562 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการเทรดหลังเข้ารับตำแหน่งที่ระดับ 1,664.73 จุด แต่ในวันที่ 26 เมษายน 2564 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,559.53 จุด ซึ่งเท่ากับว่านับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในสมัยที่สอง ดัชนีติดลบไป 6.32%
ถ้ารวมการบริหารประเทศทั้งหมดตั้งแต่ทำรัฐประหารแล้วเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 24 สิงหาคม 2557 รวมแล้วก็เกือบ 7 ปี ก็ยังไม่เห็นมีอะไรที่ดีขึ้น วิกฤตโควิด-19 ยิ่งทำให้เห็นความด้อยประสิทธิภาพ ในการบริหารอย่างชัดเจนมากขึ้น ไม่ต้องพูดเรื่องคำพูดคำจา และการบริหารเศรษฐกิจและวัคซีน ให้เกิดอาการ “ของขึ้น”