META พุ่งเฉียดซิลลิ่ง-นิวไฮรอบ 13 เดือน ลุ้นปีนี้พลิกมีกำไร บุ๊กรายได้สร้างมินบูเฟส 2-4
META พุ่งเฉียดซิลลิ่ง-นิวไฮรอบ 13 เดือน ลุ้นปีนี้พลิกมีกำไร บุ๊กรายได้สร้างมินบูเฟส 2-4
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ META ณ เวลา 16.15 น. อยู่ที่ระดับ 0.77 บาท บวก 0.17 บาท หรือ 28.33% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 104.88 ล้านบาท ราคาหุ้นพุ่งแรงในรอบ 13 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 0.87 บาท เมื่อวันที่ 27 มี.ค.63
โดยก่อนหน้านี้นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร META เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจเดิม คือ ธุรกิจผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยจะมุ่งเน้นเข้าไปรับงานโครงการแนวราบมากขึ้น จากเดิมที่รับงานก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม รวมไปถึงงานภาครัฐและเอกชนอื่น ๆ ภายในประเทศ รวมทั้งจะมุ่งเน้นโครงการขนาดใหญ่ที่มีในมืออยู่แล้ว ทั้งในประเทศเมียนมา ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจในประเทศใหม่ ๆ ต่อเนื่อง
โดยในปี 2564-2565 บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานในมือ (Backlog) ของโครงการรับเหมาก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิต 220 เมกะวัตต์ (MW) ในเมืองมินบู ประเทศเมียนมา เฟสที่เหลือ (เฟส 2-4) ปีละ 3,000 ล้านบาท หลังจากได้เลื่อนก่อสร้างโรงไฟฟ้ามินบูฯ เฟส 2 มาจากปี 2563 ซึ่งหากยังคงเป็นไปตามแผนงานจะช่วยให้ในปี 2564 พลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโรงไฟฟ้ามินบูฯ เฟส 2 ในปัจจุบัน บริษัทได้เริ่มทำการสำรวจ-ออกแบบ 3D และวัดพื้นที่ก่อสร้างเสร็จสิ้น 100% รวมถึงได้มีการสั่งซื้อของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่น แผงโซลาร์เซลล์ และ หม้อแปลงไฟฟ้าเป็นต้น เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์รัฐประหารในประเทศเมียนมา 2-3 เดือนข้างหน้า จะเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้ามินบูฯ เฟส 1 ผลการดำเนินงานในปี 2563 เป็นที่น่าพอใจมาก และยืนยันมีการรับรู้รายได้จากภาครัฐมาจนถึงเดือน ม.ค. และ ก.พ. 2564 ยังปกติ พร้อมทั้งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามปริมาณที่ต้องการเฉลี่ยที่ 79% และมีกำลังการผลิต 80-90% ถือเป็นไปตามเกณฑ์
อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2564 คาดว่ารายได้จะชะลอตัวลง เนื่องจากไม่สามารถขนส่งวัสดุอุปกรณ์เข้าไปยังโครงการได้ เนื่องจากติดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค-19 ทำให้รายได้จากการก่อสร้างโรงไฟฟ้ามินบูหายไป แต่เชื่อว่าในไตรมาส 2/2564 จะเริ่มทยอยส่งวัสดุอุปกรณ์เข้าโครงการได้ และช่วยสนับสนุนรายได้ให้เติบโตก้าวกระโดดในช่วงไตรมาส 3/2564 และไตรมาส 4/2564
สำหรับในปี 2564 บริษัทยังไม่มีการลงทุนใด ๆ เพิ่มเติม และยังคงมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งเป็นบวก โดยแผนในระยะแรกหากมีการทำรายการเกิดขึ้น จะเป็นการขายโครงการคุณภาพที่ทำงานการเชิงพาณิชย์แล้ว เพื่อสร้างฐานทุนไปลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ต่อไป อีกทั้งบริษัทยังคงศึกษา และได้มองหาการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ โครงการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย และโครงการของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการเจรจาหลายราย และน่าจะมีความชัดเจนออกมาในอนาคตอันใกล้นี้
ขณะที่ภายหลังการก่อสร้างโรงไฟฟ้ามินบูฯ เสร็จสิ้น บริษัทจะมีฐานรายได้ใหม่จากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า ไบโอแมส ในประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับสัมปทานมาแล้ว 100 เมกะวัตต์ เชื่อว่าจะเป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจและสร้างการเติบโตได้อย่างดี ประกอบกับต้นทุนจากดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารค่อนข้างต่ำ เบื้องต้นน่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงปลายปี 2565