สิ่งเล็ก ๆ ที่ ‘มีค่าและหายาก’ ยุคนี้

กระแสโลก : ฐปนี แก้วแดง

ปัญหาขาดแคลนชิปไม่ได้จำกัดวงแค่อุตสาหกรรมบริษัทรถยนต์แล้วเท่านั้น แต่ในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตของบริษัทในหลาย ๆ อุตสาหกรรมทั่วโลก โรรี กรีน นักเศรษฐศาสตร์ของทีเอส ลอมบาร์ด ถึงกับ เรียก “ชิป” หรือ “เซมิคอนดักเตอร์” ว่าเป็น “น้ำมันใหม่” ที่อาจทำให้เกิดการหยุดชะงักทั่วโลกได้

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ชิปซึ่งเป็นที่ต้องการ กลับกลายเป็นของหายาก เนื่องจากดีมานด์เพิ่มขึ้น แต่กลับมีซัพพลายไม่เพียงพอ  และสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงอีกเมื่อเกิดพายุฤดูหนาวในรัฐเท็กซัส จนส่งผลกระทบต่อการผลิตชิปในสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน โรงงานผลิตชิปของบริษัท Renesas Electronics Corp ในญี่ปุ่น ก็ได้เกิดไฟไหม้จนต้องปิดโรงงานนาน 1 เดือน

นักเศรษฐศาสตร์หลายคนประเมินว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจ อาจชะลอตัวลง และเงินเฟ้อน่าจะเพิ่มขึ้นชั่วคราวหากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์เลวร้ายลง และเนื่องจากเซมิคอนดักเตอร์เป็นแกนหลักของกิจกรรมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปัญหาซัพพลายที่เกิดขึ้นน่าจะมีแรงกระเพื่อมไปทั่ว

นักเศรษฐศาสตร์โกลด์แมน แซคส์ ประเมินว่า การขาดแคลนชิปในปี 2564 จะกลายเป็นภาษีเงินเฟ้อที่อาจส่งผลกระทบให้ราคาสินค้าที่ได้รับผลกระทบ เพิ่มขึ้นถึง 3% ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ถึง 0.4%

แม้ว่าผลกระทบจากการขาดแคลนชิปจะไม่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงมาก เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดีในปีนี้ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็สามารถสังเกตเห็นได้

โกลด์แมน แซคส์ มองว่า การขาดแคลนชิป อาจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวระหว่าง 0.5-1% แต่น่าจะหดตัวที่ 0.5% มากกว่า  แม้ว่าเซมิคอนดักเตอร์มีสัดส่วนเพียง 0.3%ของอัตราผลผลิตในสหรัฐฯ แต่มันเป็นอินพุตการผลิตที่สำคัญถึง 12% ของจีดีพี  ดังนั้นการขาดแคลนชิปอาจลดการผลิตรถยนต์ในปีนี้ประมาณ 2-6%

เราได้ยินข่าว โรงงานผลิตรถยนต์ในเอเชีย ยุโรปและอเมริกา ได้ประกาศระงับการผลิต เพราะขาดแคลนชิปมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และยังมีออกมาเรื่อย ๆ

ฮอนด้า มอเตอร์จะระงับการผลิตในโรงงาน 3 แห่งในญี่ปุ่น ประมาณ 5-6 วัน ในเดือนนี้  บีเอ็มดับเบิลยูจะหยุดผลิตรถมินิในโรงงานในอังกฤษ 3 วัน บริษัท Stellantis NV จะปลดคนงานในโรงงานผลิตรถจี๊ปในเมืองดีทรอยต์เป็นการชั่วคราว ขณะที่วอลโว่จะปิดโรงงานจำนวนหนึ่งจนกว่า สถานการณ์จะคลี่คลาย และฟอร์ดลดประมาณการกำไรทั้งปีเนื่องจากคาดว่า การขาดแคลนชิปน่าจะลดการผลิตประมาณ 1.1 ล้านคันในปีนี้ และคาดว่าชิปน่าจะขาดแคลนไปจนถึงปีหน้า

ผู้บริหารของบริษัท แอปเปิล ก็ได้ออกมาเตือนว่า การขาดแคลนชิปกำลังกระทบต่อยอดขายไอแพดและแมคส์ ซึ่งเป็นสองผลิตภัณฑ์ที่ขายดีในช่วงล็อกดาวน์  โดยคาดว่าจะทำให้รายได้ของแอปเปิลหายไป 3,000-4,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสสาม จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ราว 68,700 ล้านดอลลาร์

ซัมซุงซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตและเป็นผู้ใช้ชิป ก็คาดว่า กำไรและรายได้ของธุรกิจโทรศัพท์ จะลดลงในไตรมาสนี้

การขาดแคลนชิปอย่างรุนแรงจนทำให้ต้องหยุดผลิตรถยนต์และกระทบรายได้และกำไรของบริษัท อิเล็กโทรนิกส์ทั่วโลก ย้ำให้เห็นถึงความรวดเร็วและสเกลของการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น

ชิปมักเป็นชิ้นส่วนสำคัญสำหรับภาคผลิตและอุตสาหกรรมอิเล็กโทรนิกส์สำหรับผู้บริโภค แต่มีการใช้ชิปขยายวงไปยังภาคอื่น ๆ ด้วย เช่น บริการดิจิทัลและการขนส่ง ในขณะที่โลกเริ่มเชื่อมต่อระหว่างกันมากขึ้น เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้นและเป็นสีเขียวมากขึ้น แต่ละหน่วยของการเติบโตของจีดีพี ก็จะมีเซมิคอนดักเตอร์เป็นองค์ประกอบมากขึ้น วงจรรวมกำลังกลายเป็นอินพุตโภคภัณฑ์สำคัญสำหรับกิจกรรมทาง เศรษฐกิจ

การขาดแคลนชิปในขณะนี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มีการคาดว่า เงินเฟ้อสินค้าหลักจะยังคงแข็งแกร่งในปีนี้

แต่นักวิเคราะห์มองว่า ผลกระทบด้านเงินเฟ้อน่าจะกินเวลาไม่นาน เนื่องจากจะมีซัพพลายเพิ่มขึ้นในปลายปีนี้และเมื่อเข้าสู่ปีหน้า

แม้ชิปเป็นเพียงชิ้นส่วนเล็ก ๆ แต่มันได้กลายเป็นของ “มีค่าและหายาก” ในยุคนี้ไปเสียแล้ว ถ้าสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายโดยเร็ว มันน่าจะสร้างความ “Chip หาย” ไปทุกหย่อมหญ้าจริง ๆ