TISCO ตั้งสำรองหนี้ SSI เพิ่ม 1.4-1.5 พันลบ. ใน Q3/58

TISCO ตั้งสำรองหนี้ SSI เพิ่มอีก 1.4-1.5 พันลบ. ใน Q3/58 ให้ครบ 100% เผยภาระการตั้งสำรองจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานประจำปี แต่ไม่เป็นนัยสำคัญ เนื่องจากได้กันเงินสำรองไปก่อนหน้านี้แล้วอย่างเพียงพอ


บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ระบุว่า จากกรณีที่บริษัทลูกของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI ในประเทศอังกฤษ (SSI UK) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตเหล็กแท่งแบนคุณภาพสูงในประเทศอังกฤษ ประกาศหยุดดำเนินงานลงชั่วคราว เนื่องจากประสบปัญหาทางการเงิน จากปัจจัยทางการตลาดเหล็กแท่งแบนที่ไม่เอื้ออำนวย

ประกอบกับมีต้นทุนการดำเนินการสูง จึงส่งผลให้มียอดขาดทุนสะสมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถประกอบธุรกิจได้อีกต่อไปและตัดสินใจหยุดผลิตชั่วคราวนั้น ทางธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทลูกของบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้ที่ปล่อยสินเชื่อให้แก่ SSIและบริษัทย่อย สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค (SSI UK) โดยเป็นยอดหนี้รวมของธนาคารทิสโก้ประมาณ 4.4 พันล้านบาท แบ่งเป็น SSI จำนวน 821 ล้านบาท และ SSI UK จำนวน 100 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 3,570 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทิสโก้และธนาคารผู้สนับสนุนสินเชื่อจะร่วมกับ SSI วางแผนการปรับโครงสร้างหนี้ โดยทิสโก้เชื่อมั่นว่า SSI จะยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เพราะ SSI มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งและเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในตลาดเหล็กม้วนรีดร้อนภายในประเทศ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญของอุตสาหกรรมพลังงาน การขนส่ง การก่อสร้าง และอะไหล่ต่างๆ ประการสำคัญคือ SSI มีความสามารถในการหาวัตถุดิบจากแหล่งอื่นได้ดีแม้ว่า SSI UK จะหยุดการผลิตก็ตาม

โดยธนาคารได้ทยอยตั้งเงินสำรองหนี้สูญเพื่อรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นมาโดยตลอด โดยจะตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอีก 1,400-1,500 ล้านบาทให้ครบ 100% ในไตรมาสที่ 3 นี้ การตั้งสำรองดังกล่าวเป็นการตั้งสำรองโดยหักมูลค่าหลักประกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยหลักประกันในส่วนของ SSI UK จะกำหนดให้มีมูลค่าเป็นศูนย์เนื่องจากไม่สามารถประเมินราคาได้อย่างชัดเจนในภาวะปัจจุบัน ภาระการตั้งสำรองดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานประจำปีของบริษัทบ้างแต่ไม่เป็นนัยสำคัญ

เนื่องจากได้กันเงินสำรองไปก่อนหน้านี้แล้วอย่างเพียงพอ ประกอบกับภาวะคุณภาพสินทรัพย์สินส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อที่มีแนวโน้มดีขึ้นทำให้ภาระการกันเงินสำรองที่เกี่ยวข้องลดลง นอกจากนี้บริษัทยังมีการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ที่จะสามารถสนับสนุนผลการดำเนินงานได้

สำหรับในส่วนของสินเชื่อที่ให้กับ SSI UK ธนาคารมีแผนที่จะตัดหนี้สูญภายหลังจากการตั้งสำรองเต็ม 100% ตามนโยบายของธนาคารซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ดังนั้นระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากส่วนของสินเชื่อที่ให้กับ SSI คิดเป็นประมาณร้อยละ 0.34 ของสินเชื่อรวม

โดยคาดว่า SSI จะสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้แล้วเสร็จในระยะเวลาต่อไป อนึ่งการตั้งสำรองในระดับสูงดังกล่าวเป็นไปเพื่อสนับสนุนกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีประสิทธิผล โดยคาดว่าผลเสียหายสุดท้ายที่เกิดขึ้นจริงจะมีจำนวนน้อยกว่าระดับเงินสำรองที่ตั้งในครั้งนี้ทั้งหมด ซึ่งบริษัทจะได้รับรู้เป็นรายได้จากการหนี้สูญรับคืนในอนาคตต่อไป

ทั้งนี้ธนาคารทิสโก้ยังมีฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งโดยภายหลังจากการเปลี่ยนสถานะลูกหนี้ของกลุ่ม SSI เป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และตั้งสำรองครบร้อยละร้อย ระดับเงินกองทุนของธนาคารยังคงแข็งแกร่ง BIS Ratio ยังสูงถึงประมาณร้อยละ 18 และ Tier 1 Ratio ประมาณร้อยละ 13

Back to top button