ล้มทั้งยืนโมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในแต่ละวันไม่ค่อยมีอะไรผิดแผกไปจากที่คาดการณ์สักเท่าไหร่ “โมนิก้า” ถึงไม่มีเวลาไปขยี้ข่าวภาวะการลงทุน เพราะมีเรื่องอื่นที่น่าเม้าท์มากกว่า วันนี้ถึงไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องเป้า 1,400 จุดเหมือนเช่นวันที่ผ่านมา หลังนักลงทุนสถาบันกำลังประลองความไวของแต่ละฝั่งอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งวันนี้ยังไม่รู้ว่า ใครเป็นพระเอก..ใครเป็นผู้ร้าย นะจะบอกให้
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในแต่ละวันไม่ค่อยมีอะไรผิดแผกไปจากที่คาดการณ์สักเท่าไหร่ “โมนิก้า” ถึงไม่มีเวลาไปขยี้ข่าวภาวะการลงทุน เพราะมีเรื่องอื่นที่น่าเม้าท์มากกว่า วันนี้ถึงไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องเป้า 1,400 จุดเหมือนเช่นวันที่ผ่านมา หลังนักลงทุนสถาบันกำลังประลองความไวของแต่ละฝั่งอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งวันนี้ยังไม่รู้ว่า ใครเป็นพระเอก..ใครเป็นผู้ร้าย นะจะบอกให้
*โดยสิ่งที่เดี๊ยนรู้แน่ๆ ในคราวนี้คือ ตลอดทั้งวันมีแต่คนจ้องเก็บหุ้นเข้าพอร์ต ดัชนีถึงเกาะแนวรับ 1,380 จุดอย่างเหนียวแน่น หลังจากนั้นก็มีแรงซื้อเข้ามาเรื่อยๆ จนดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,392.73 จุด บวกไป 2.41 จุด ด้วยมูลค่า 2.78 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นความง่อนแง่นของนักลงทุนขาประจำ เพราะเป็นการซื้อหุ้นแบบเสียมิได้ และพร้อมจะเทขายหุ้นออกมาเมื่อมีข่าวร้ายมากระทบเจ้าค่ะ
*ประเด็นตรงนี้ทำให้ “โมนิก้า” พยายามปรับจูนกระบวนการทางความคิดของนักลงทุนต้องกล้าในภาวะที่คนอื่นกลัว และต้องกลัวเมื่อเห็นคนอื่นกำลังแสดงความกล้าอย่างออกนอกหน้า โดยเรื่องนี้ถูกตอกย้ำด้วยท่าทีของกองทุนที่หันมาเล่นบทตีหัวเข้าบ้าน ซึ่งเป็นพฤติกรรมเดิมๆ ที่เดี๊ยนมักเล่าให้ฟังเป็นประจำในยามที่ตลาดหุ้นกำลังจะไปได้ดี แต่สุดท้ายมักสะดุดขา (กองทุน) ล้มไม่เป็นท่า..จำได้ไหม?
*เหมือนกับในรายของ KTB หุ้นสุดเลิฟของกองทุนสำนักต่างๆ ก่อนหน้านี้ไปไหนมาไหน ก็มีแต่คนเชียร์หุ้นตัวนี้เยอะแยะไปหมด ซึ่งในคนเหล่านั้น ต้องเหมารวม “โมนิก้า” เข้าไปด้วย แต่ทันทีที่มีเรื่องแอ็กซิเดนต์บางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ทำให้หุ้นตัวนี้กลายเป็นหุ้นอันตรายที่ต้องหาจังหวะถอยให้ดีๆ หรือจะให้ดีไปกว่านั้น “วรภัค ธันยาวงษ์” ควรออกหน้าบ้างนะตัวเอง
*เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยให้ข้อมูลไว้ว่า น่าจะไม่มีการตั้งสำรองพิเศษอะไรอีกแล้ว! เผลอแป๊บเดียวก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอีกจนได้ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกแปลกใจมากๆ ที่คนระดับสั่งการจะไม่รู้เรื่องร้ายแรงเช่นนี้ หรือว่า ประเด็นหนี้เสียของ SSI ถูกซ่อนไว้เป็นเวลานาน จนสุดท้ายเอาใบบัวมาปิดไม่มิด คุณพี่เลยต้องออกมาย่อมรับอ่อยๆ หุ้นถึงรูดลงมาปิดที่ 17.80 บาท ลบไป 0.40 บาท ด้วยมูลค่า 1.70 พันล้านบาท..ตามตำราเขาเรียกเหตุการณ์นี้ว่า ลงแบบมีวอลุ่ม มีโอกาสลงต่อค่อนข้างสูงเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของแบงก์ตราใบโพธิ์ SCB ในที่สุดก็หนีความจริงไม่ได้ และทำให้เรื่องลับๆ ที่นินทากันมาเป็นเวลาหลายปีเกี่ยวกับเรื่องใต้โต๊ะ ถูกนำมาขยายแผลให้กว้างขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับมาตรฐานในการปล่อยกู้แบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นการล้างบ้านเพื่อทำให้ทุกอย่างดูโปร่งใสขึ้น จึงต้องมีคนเจ็บปวดกับเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นพะยะค่ะ
*งานนี้จริงเท็จประการใด “โมนิก้า” ไม่อาจรู้ได้ แต่สิ่งที่ทุกคนกำลังเม้าท์ลับหลัง “วิชิต สุรพงษ์ชัย” คือความน่าเชื่อถือในการคัดกรองลูกค้ามีมากขนาดไหน? เพราะก่อนหน้านี้ใครๆ ต่างรู้ดีว่า ธุรกิจเหล็กมันสีเทาออกไปทางสีดำ จู่ๆ กล้าอำนวยความสะดวกให้เยอะขนาดนี้ “เฮียอาทิตย์” ช่วยตอบหน่อยว่า ลึกๆ มันมีอะไรหรือเปล่า? ถ้าผู้บริหารตอบไม่ได้ เดี๋ยวเจ๊จะไปสืบข่าวตามสี่แยกปากสุนัข แล้วจะเม้าท์ให้ฟังในวันถัดไป ขณะที่ราคาปิดวานนี้อยู่ที่ 141 บาท ลบไป 3 บาท ด้วยมูลค่า 1.27 พันล้านบาท มันมีความหมายอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้วนะจ๊ะ
*คล้ายคลึงกับการอ่อนตัวของหุ้น TISCO ลงมาปิดที่ 36.50 บาท ลบไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่า 80 ล้านบาท มันเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วว่า โดนกับเขาเต็มๆ! แต่โชคดีอยู่นิดหนึ่งคือ มีการตั้งสำรองฯไปแล้วบางส่วน วันนี้ถึงเจ็บไม่หนักเหมือนสองรายแรกข้างต้น หากถามว่า เอาอย่างไรกับหุ้นตัวนี้ดี “โมนิก้า” คงตอบกลับไปในทันทีว่า wait & see เพราะยังมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเอาตัวเข้าแลก..อิอิอิ
*เม้าท์ถึงตรงนี้ก็ต้องเม้าท์ถึงตัวต้นเรื่องอย่าง SSI ภายใต้การกุมบังเหียน “วิน” เพื่อให้สอดรับกับนโยบายแมงเม่าจนกระจาย หลังผู้บริหารหนุ่มสุดหล่อ “ยืดอก..พกถุง” แบบแมนๆ บริษัทลูกติดหนี้เท่าไหร่ เดี๋ยวพี่เคลียร์ให้ และแวบแรกที่ได้ยินคำอธิบาย “โมนิก้า” ถึงกับเกิดอาการเคลิบเคลิ้มชวนฝันในทันที แต่เผอิญ บก.เว็บไซต์ข่าวหุ้น เข้าสะกิด พร้อมกับเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังว่า 3 ปีที่ผ่านมาขาดทุนเกิน 5 พันล้านบาท บวกกับส่วนของผู้ถือหุ้นก็ติดลบไป 1.70 พันล้านบาท มันจะมีปัญญามาใช้หนี้ 5 หมื่นล้านบาทได้อย่างไร?
*เพียงเท่านี้ก็ทำให้ใบหน้าของคุณพี่ “สมศักดิ์” แห่ง GSTEL ปรากฏขึ้นในหัวของ “โมนิก้า” ทันที พร้อมกับเกิดจินตนาการชั้นเลิศไปว่า 2 คนนี้ใครดีกว่ากัน? เพราะครั้งหนึ่งเคยเกิดตำนาน เสือ 2 ตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้! พร้อมกับเกิดสงครามข่าวลือโจมตีกันไปโจมตีกันมา (คนรุ่นเก่าๆ รู้กันดี..เอ๊ะ!..หรือว่า น้องโมแก่แล้วเนี่ย ถึงรู้ประวัติของคนรุ่นก่อนๆ) ซึ่งวันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่รอดทั้งคู่!
*ที่แย่หน่อยตรงที่SSI UK เคยผ่านมือกลุ่มเหล็กเจ้าใหญ่ของโลกอย่าง TATA มาแล้ว แต่สุดท้ายก็ทำไม่ขึ้นตามแผนที่วาดฝันไว้ เลยเอามาเร่ขายให้กับพ่อหนุ่มวัยละอ่อนคนนี้ ซึ่งตอนนี้มีคนเตือนแล้วเตือนอีก ไม่ควรเข้าไปยุ่ง! เพราะมันเปลี่ยนมือเจ้าของมาด้วยกัน 17 ราย..เรื่องนี้เลยสอนให้รู้ว่า “ล้มทั้งยืน” มันเป็นแบบนี้เอง..คนเล่นหุ้นก็ต้องเผื่อใจในสิ่งที่ไม่คาดฝันไว้บ้างนะคะ