BRR โชว์กำไรไตรมาสแรก 185.72 ลบ. รับยอดส่งออกน้ำตาลเพิ่ม-ราคาพุ่ง
BRR โชว์ไตรมาส 1/2564 กำไร 185.72 ลบ. ล้านบาท เพิ่มขึ้น 511.16% จาก 30.39 ล้านบาท รับส่งออกน้ำตาลเพิ่มในจังหวะราคาพุ่ง แถมบริหารจัดการต้นทุนที่ดี
บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR โชว์ผลงานไตรมาส 1/2564 ทำกำไรสุทธิ 185.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 511.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 30.39 ล้านบาท หลังส่งออกน้ำตาลเพิ่มในจังหวะที่ราคาน้ำตาลโลกพุ่ง
ด้าน นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BRR เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 (มกราคม-มีนาคม) บริษัทฯ ประสบความสาเร็จผลักดันธุรกิจเติบโตได้ดี โดยมีรายได้รวม 975.07 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยมาจากกลุ่มธุรกิจหลักได้แก่ น้ำตาลที่ขยายตัวได้อย่างโดดเด่นจากปริมาณส่งออกน้ำตาลไปแก่คู่ค้าได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนในช่วงจังหวะราคาตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 17-18 เซนต์ต่อปอนด์
ขณะเดียวกัน การบริหารจัดการผลิตน้าตาลที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ BRR ผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยในรอบการผลิตปี 2563/64 อยู่ที่ 123.68 กิโลกรัมน้าตาลต่อตันอ้อย สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมฯ ถึง 10.24 กิโลกรัมน้าตาลต่อตันอ้อย โดยมีปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งสิ้น 1.76 ล้านต้นอ้อย ส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำลง ประกอบกับการดูแลควบคุมค่าใช้จ่ายและบริหารด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่เอื้อต่อการผลักดันผลการดำเนินงานที่ดี ส่งผลให้ไตรมาสนี้ผลงานของ BRR เติบโตเป็นที่น่าพอใจ
“ผลงานในไตรมาส 1/2564 ได้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการดาเนินงานของ BRR ที่มั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของเราในการผลักดันผลการดาเนินงานให้กลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน” นายอนันต์ กล่าว
สำหรับภาพรวมการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดจะเติบโตตามแผน โดยในไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีแผนส่งออกน้ำตาลทรายดิบมากกว่าในไตรมาสแรก รวมถึงการนำน้ำตาลทรายดิบไปทาน้ำตาลรีไฟน์ (น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์) ที่สร้างกำไรต่อหน่วยที่ดีกว่า ให้เต็มความสามารถด้านการผลิตที่ 20,000 ตัน เพื่อเก็บเกี่ยวรายได้ที่ดีในช่วงที่ราคาตลาดโลกอยู่ในเกณฑ์สูงสุดในรอบ 4 ปี ส่งผลให้ครึ่งปีแรกกลุ่มธุรกิจน้ำตาลจะขยายตัวได้โดดเด่น
ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย หรือ SEW ซึ่งถือเป็น New S curve ของ BRR จะเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ผลการดำเนินงาน บริษัทฯ จึงอนุมัติงบลงทุนเพิ่มเติมในบริษัท ชูการ์เคน อีโคแวร์ จำกัด (SEW) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯถือหุ้นร้อยละ 99.99 อีก 70 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงเยื่อที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยรองรับแผนรุกธุรกิจบรรจุภัณฑ์เพิ่มเติมหลังจากลูกค้าในต่างประเทศให้ความสนใจให้ SEW เป็นผู้ผลิตสินค้าเพื่อส่งออก ซึ่งคาดว่าจะสรุปรายละเอียดได้ในเร็วๆ นี้