KTC บวก 6% โบรกฯชี้รับผลกระทบ”โควิด”จำกัด-ลุ้นกำไรปีนี้แตะ 6.38 พันลบ. แนะซื้อเป้า 90 บ.
KTC บวก 6% โบรกฯชี้รับผลกระทบ COVID-19 จำกัด-ลุ้นกำไรปีนี้โตแตะ 6.38 พันลบ.แนะซื้อเป้า 90 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ณ เวลา 14.43 น. อยู่ที่ระดับ 74.75 บาท บวก 4.00 บาท หรือ 5.65% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 942.74 ล้านบาท
บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ยังคง แนะนำ “ซื้อ” KTC ให้ราคาเป้าหมาย 90.00 บาท อิงปี 2565 จากค่า PBV ที่ 7.4 เท่า ซึ่งยังมองเป็นกลางจากผลการดำเนินงานที่ยังเป็นไปตามคาด โดยจาก 1) แม้ว่าได้รับผลกระทบ COVID-19 รอบ 3 ที่จำกัด โดย card spending ยังขยายตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และกลับไปใกล้เคียงกับปี 2563 ที่ไม่ได้รับผลกระทบ COVID-19 โดยเฉพาะ online card spending ที่มีอัตราขยายตัวสูง ทำให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปีก่อนที่ 10% และ 2) KTB Leasing (KTBL) และสินเชื่อพี่เบิ้ม (จำนำทะเบียน) ยังมีฐานที่ต่ำ และไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในปี 2564 อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 6.38 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และต้นทุนเคดิต (credit cost) ลดลงเป็น 606% ตามความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ฐาน management overlay ที่สูงถึง 1.0 พันล้านบาทในไตรมาส 1/2564 ขณะเดียวกันคาดกำไรสุทธิปี 2565 จะขยายตัวต่อเนื่องอยู่ที่ 7.44 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากโอกาสในการปล่อยสินเชื่อรายย่อยที่ครบวงจรมากขึ้น ภายหลังการเข้าซื้อ KTBL รวมทั้งโอกาสในการปล่อยสินเชื่อ Digital และต้นทุนทางการ เงินที่จะลดลงจาก credit rating ที่ดีขึ้น
สำหรับราคาหุ้น outperform SET +6%/+46% ใน 3 และ 6 เดือน อย่างไรก็ตามแนะนำ“ซื้อ” จากโอกาสที่กำไรจะกลับมาเติบโตสูงอีกครั้งตั้งแต่ปี 2565 จากธุรกิจใหม่ Digital platform และสินเชื่อ secured loan ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยประเมินว่าผลการดำเนินงานในระยะยาวจะดีขึ้นที่ปี 2563-2565 EPS CAGR +18%
ด้านนายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 3 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเล็กน้อย และน้อยกว่ารอบแรกในปีก่อน จึงยังคงเป้ายอดขายใช้จ่ายผ่านบัตรในปี 2564 เติบโตราว 8% จากปีก่อน ถึงแม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ในระดับสูงก็ตาม แต่ในส่วนของลูกค้าของบริษัทนั้นได้สังเกตุเห็นการปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายหันมาใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น และอาจระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่บ้าง แต่เมื่อมองยอดการจับจ่ายใช้สอยในเดือน เม.ย. 2564 ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่บริษัทยังต้องติดตามแนวโน้มของยอดการใช้จ่ายในช่วงเดือนพ.ค. 2564 ต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร
“Spending ในช่วงเดือนเม.ย. ปีนี้ก็ยังถือว่าดีกว่าปีที่แล้ว แต่ก็มองว่าพ.ค.นี้ก็จะหนักกว่าเม.ย. ซึ่งเป็น Technical Lockdown มาต่อเนื่อง คนก็มีความกลัวการใช้สอยบ้าง แต่น้อยกว่าปีก่อน และปรับตัวหันมาใช้จ่ายออนไลน์มากขึ้น ทำให้มองว่าตัวเลขปีนี้ก็ยังดีกว่าปีก่อน”
อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าภาพรวมของผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2564 จะยังทำได้ดีกว่าไตรมาส 2/2563 จากการที่คนเริ่มตั้งตัวและรับมือกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นได้ ประกอบกับการที่บริษัทยังคงมีการร่วมกับพันธมิตรในการทำโปรโมชั่นกระตุ้นการใช้จ่าย อีกทั้งบริษัทยังคงให้ความสำคัญในการควบคุมคุณภาพหนี้ และไม่เร่งการขยายฐานลูกค้ามากนักเพื่อป้องกันความเสี่ยง
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายทางธุรกิจในปีนี้จะทำกำไรสูงกว่าปีก่อน ภายใต้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 8% และจำนวนสมาชิกใกล้เคียงกับปีก่อน ได้แก่ บัตรเครดิต 235,000 ใบ และสมาชิกบัตรกดเงินสดเคทีซี พราว 135,000 ราย โดยคาดว่าหลังจากไตรมาส 3/2564 เป็นต้นไปจะเห็นความชัดเจนของสถานการณ์ต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งคาดหวังว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบ 3 จะคลี่คลายลง และเริ่มมีการท่องเที่ยวกลับเข้ามา ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรให้กลับมาดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 4/2564