SET ไร้ปัจจัยหนุน-มีสิทธิ์ลงต่อช้อน 23 หุ้นเด่นจังหวะดัชนีย่อตัว

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับลงต่อแต่อยู่ในความเสี่ยงจำกัด เหตุยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน และยังมีความกังวลประเด็นเฟดส่งสัญญาณไม่ชัดเจน รวมถึงภาคเศรษฐกิจจีนที่ยังอ่อนแอ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังมีประเด็นหนี้ SSI และการแก้สัมปทาน ADVANC


 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.15 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 36.10 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย.ของจีน ซึ่งจะเปิดเผยในเช้าวันนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับลงต่อแต่อยู่ในความเสี่ยงจำกัด เหตุยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน และยังมีความกังวลประเด็นเฟดส่งสัญญาณไม่ชัดเจน รวมถึงภาคเศรษฐกิจจีนที่ยังอ่อนแอ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังมีประเด็นหนี้ SSI และการแก้สัมปทาน ADVANC

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ได้แก่  ASEFA,IFEC, STEC, CK, SEAFCO, PTTGC, AOT, CENTEL, KCE, KTC, KCE, VNG, BEAUTY, TMB,SIRI, BDMS, SAWAD, GUNKUL, BIG, TASCO, MAJOR, KTC และ SAPPE

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ย.)  SET ถอยลงมาที่เขตแนวรับอีกรอบ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,370-75 จุด แนะนำถือหุ้นทนการแกว่งตัวต่อ แต่มีจุด Stop Loss ที่ 1,360-62 จุด ตลาดหุ้นโลก “ผันผวน” เนื่องจากการปรับพอร์ตหลัง Fed มีมุมมอง Dovish มากขึ้นต่อการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ ADB ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจจีนกดดัน Sentiment ตลาดหุ้นโลก ขณะที่ในประเทศประเด็นหนี้ SSI ทำให้ธนาคารพาณิชย์ตั้งสำรองเพิ่มกดดัน EPS SET ~1.4 บาท/หุ้น หรือจะส่งผลกระทบต่อ SET ~20 จุด ประเมินแนวรับ 1,360/1,375จุด แต่จะเป็นแรงกดดันเฉพาะหุ้นรายตัวมากกว่าทั้งตลาดมองเป็นโอกาสซื้อ

การย่อตัวของ SET จากความ “ผันผวน” ตลาดหุ้นโลก และประเด็นหนี้ SSI และการแก้สัมปทาน ADVANC จะเป็นโอกาส “ซื้อ” แนวรับ 1,375 หรือ 1,360 จุด แนะนำ “ซื้อ” TMB คาดมีการปรับพอร์ตจาก KTB SCB มาที่ TMB ขณะที่ระยะกลางยัง “ซื้อ” รับเหมาฯ, โรงกลั่น, ท่องเที่ยว อย่าง STEC CK SEAFCO PTTGC AOT CENTEL KCE KTC

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ย.) ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ยังมีช่วงลงแต่ความเสี่ยงจำกัด เก็งกำไรช่วงย่อตัว ลุ้นรีบาวด์ แต่จิตวิทยาเป็นลบมากขึ้น หลังตลาดสับสนทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐจากที่เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณไม่ชัดเจน คาดภาพจะชัดขึ้นหลังประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์คืนวันพฤหัส เวลาไทย ประกอบกับหุ้นยุโรปปรับตัวลงแรง หลังโฟลก์สวาเกนถูกกล่าวหาโกงผลตรวจมลพิษรถยนต์ ด้าน ADB ลด GDP จีนปี 58 และ 59 สู่ 6.8% และ 6.7% ทั้งนี้หากตัวเลข Flash PMI จีนเช้านี้สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 47.5คาดหุ้นเอเชียและไทยมีโอกาสเด้ง แนะรอเก็งกำไรช่วงตลาดย่อตัว

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไรแนวรับ  ASEFA,IFEC

 

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ย.)ทิศทางตลาด : ผันผวน? แต่คาดมีโอกาสปรับลดลงตามตลาดต่างประเทศ แม้ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ แต่คาดได้รับปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนทั้งระยะเวลา และการขึ้น / ไม่ขึ้นดอกเบี้ย ของเฟด (เหลือการประชุมของเฟดอีก 2 ครั้งในปีนี้ : 27 – 28/10/58 และ 15 – 16/12/58) ขณะที่ยูโรโซนมีแนวโน้มใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่อ่อนแอ แนะจับตาถ้อยแถลงของประธาน ECB ต่อรัฐสภายุโรป (คืนนี้ตามเวลาบ้านเรา) ว่าจะมีการส่งสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม? ทำให้คาดทั้ง 2 ปัจจัยยังคงสร้างความผันผวนให้กับตลาดฯ

นอกจากนี้ยังคงมีความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน อย่างไรก็ตามยังแนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของจีนที่คาดอาจเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมตลาดหลังจากนี้ไป จากก่อนหน้าที่มีความพยายามฟื้นฟูความเชื่อมั่น เพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้มาตรการผ่อนคลาย ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ

ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ ภาพรวมยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ คาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ โดยเฉพาะการลดค่าธรรมเนียมการโอน การจดจำนอง ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณา คาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

ทางด้านภาพรวม Fund Flow ยังมีความผันผวน แรงซื้อขายสุทธิต่างชาติสลับกัน ยังแนะติดตามค่าเงินบาท ที่ล่าสุดกลับมาอ่อนค่าลง คาดน่าจะส่งผลต่อการไหลกลับเข้ามาของ Fund Flow?

หุ้นแนะนำ : SIRI

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ย.) ตลาดหุ้นไทยวานนี้ได้รับผลกระทบจากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารจากประเด็นความกังวลหนี้ NPL ของกลุ่มสหวิริยา ขณะที่ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งตามทิศทางค่าเงินในกลุ่ม Emerging Market  ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามการรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตของภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งหากขะลอตัวกว่าคาดการณ์ จะส่งผลลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

กลยุทธ์การลงทุน วาง Filter แนวรับสำคัญไว้ที่ 1,370 จุด หากยืนได้ทิศทางตลาดยังเป็นลักษณะ Sideway  ในกรณียืนไม่ได้แนะนำลดพอร์ต ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร KCE , VNG  คาดได้ประโยชน์จากทิศทางค่าเงินบาทอ่อนค่า

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ย.) แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้น่าจะผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคและตลาด Future เราเชื่อว่าตลาดกำลังรอปัจจัยใหม่หนุนนำ แต่ก็กลับมาความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว รายงาน PMI ของจีนในเดือนก.ย. อยู่ที่ระดับ 47 ต่ำกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 47.50 ส่งสัญญาณเชิงลบต่อเศรษฐกิจจีนที่อาจชะลอตัวต่อเนื่อง

Trading วันนี้:  SAWAD (เป็นหุ้นสวนกระแส, 3Q15E กำไรดี), BDMS (รุกธุรกิจประกัน)

หุ้นที่คาดกำไร 3Q15E โดดเด่น: SAWAD GUNKUL BIG TASCO MAJOR KTC และ SAPPE

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ย.) ทิศทางดัชนี SET คาดยังผันผวนจากผลกระทบทางจิตวิทยาของเหตุการณ์ในยุโรป ขณะที่ตลาดยังขาดปัจจัยหนุนภายใน โดยหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก อย่างธนาคารพาณิชย์ ยังถูกแรงกดจากแนวโน้มการตั้งสำรองหนี้สูญกรณี SSI กลุ่มสื่อสารจากการฟ้องร้องของ กสทช. และกลุ่มพลังงานจากกดราคาน้ำมัน

เมื่อ 3 กลุ่มดังกล่าวยังมีแรงกดดัน ดัชนี SET ก็ยังไปไหนได้ลำบาก กลุ่มอุตสาหกรรมที่ Outperform ที่สุดในปีนี้คือ กลุ่มโรงพยาบาล ตามมาด้วยชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ หลักทรัพย์ ปิโตรเคมีและ โรงแรม เปิดขึ้นมาวันนี้ คาดดัชนี SET จะยังเผชิญกับแรงขายต่อ จากแรงกดดันของตลาดหุ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผลที่เกิดขึ้นในบริษัทรถยนต์ของเยอรมัน จะกระทบกับดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้น

ส่วนประเด็นที่ต้องจับตาในวันนี้คือ การประกาศตัวเลข PMI ของจีน กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่ายังพอเล่นเก็งกำไรในช่วงสั้นได้คือ กลุ่มขนส่ง รับเหมา ท่องเที่ยวและโรงพยาบาล วันนี้เรามองว่าแนวรับที่ 1362-1368 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1385-1390 จุด

แนะนำ ซื้อ BEAUTY ด้วยราคาเป้าหมาย 4.92 บาท

Back to top button