พาราสาวะถี

อรชุน

ถูกมองอยู่แล้วว่าล้มเหลวในการบริหารจัดการวัคซีน ก็ยังขยันสร้างเรื่องให้ตกเป็นขี้ปากของสังคมไม่หยุดหย่อน ล่าสุดมีกรณีสถานบริการหลายแห่งประกาศเลื่อนนัดการรับวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มที่สองออกไป ท่ามกลางเสียงวิจารณ์หนาหูว่าวัคซีนขาดแคลน ส่งมอบไม่ทันตามกำหนด ขณะที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้ไปฉีดวัคซีนของเจ้าเดียวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่นนี้มันจะทำให้ประชาชนเชื่อถือ ไว้วางใจกันได้อย่างไร ลับ ๆ ล่อ ๆ ยังไงชอบกล

แต่ อนุทิน ชาญวีรกูล ก็แจงยิบว่า ไม่มีปัญหาเพราะตามสัญญามันล็อกไว้ชัดเจนว่าทางบริษัทต้องจัดหาวัคซีนมาให้ประเทศไทยให้ได้ตามกำหนด เพียงแค่ว่ามีวลีที่ท่านรัฐมนตรีกระทรวงคุณหมอเล่นลิ้นและอาจทำให้คนรู้สึกไม่ดีกับการที่บอกว่า ส่งมอบเดือนมิถุนายนไม่ได้หมายความว่าต้องเป็น 1 มิถุนายนนี้ หากเป็นสถานการณ์ปกติคนอาจจะไม่อินังขังขอบก็ได้ แต่ด้วยการแพร่ระบาดที่เห็นกันอยู่มันถือเป็นหน้าที่โดยตรงของคนที่ดูแลเรื่องนี้ว่าต้องจัดหาวัคซีนมาฉีดให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด

แน่นอนว่า คงไม่มีใครบ้าจะคาดคั้นเอาว่าต้องเป็น 1 มิถุนายนเท่านั้น แต่สามารถบอกได้หรือไม่ว่าแล้วจะมาถึงวันที่เท่าไหร่ภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพราะที่เปิดให้ประชาชนไปลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมนั้น จะเริ่มฉีดกันในวันที่ 7 มิถุนายน และถ้าถามความต้องการหรือคาดหวังของคนส่วนใหญ่ที่ไปลงทะเบียนก็น่าจะอยากได้ฉีดวัคซีนสัญชาติอังกฤษ ด้วยเหตุผลที่เคยได้อธิบายไปแล้ว การที่เสี่ยหนูอ้างว่ามีอีกหลายยี่ห้อก็ต้องย้อนถามกลับดัง ๆ ว่าจริงหรือ

วัคซีนที่มีอยู่ในมือเวลานี้คือประเภทมัดมือชกเท่านั้น เมื่อไม่มีแอสตราเซเนกา ก็เหลือแค่ซิโนแวค ซึ่งคนส่วนใหญ่ยังตั้งคำถามกันเซ็งแซ่ โดยเฉพาะประเด็นที่วัคซีนจากจีนเจ้านี้ยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกหรือ ฮู แต่ก็เริ่มมีกระแสข่าวว่ากำลังจะมีการรับรอง โดยอ้างเหตุผลว่าที่รับรองของซิโนฟาร์มจากประเทศเดียวกันไปก่อน เพราะฮูได้ไปตรวจโรงงานของซิโนฟาร์มก่อน โดยของซิโนแวคนั้นจะพิจารณาตามมาภายหลัง

ปากคำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่ยังไม่ทิ้งท่วงทำนองเชื่อมั่นในตัวเอง แต่ไม่นึกถึงความรู้สึกของผู้รับสารก็คือ วัคซีนที่มีอยู่เวลานี้เชื่อมั่นได้ว่าปลอดภัย เพราะรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขไม่มีทางที่จะนำวัคซีนที่มีผลกระทบต่อประชาชนมาใช้เป็นอันขาด หากมีการโชว์ศักยภาพในการบริหารงานด้วยมาตรฐานที่สูงส่งกรณีของโควิด-19 คนคงจะเชื่อมั่นกันเป็นอย่างยิ่ง แต่หลังการระบาดระลอกสอง จนกระทั่งมาถึงบัดนี้ มันได้ทำลายความไว้วางใจของประชาชนไปจนเกือบหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม เรื่องวัคซีนมาถึงนาทีนี้หากจะเป็นปัญหาคงเป็นการที่จะทำอย่างไรให้คนส่วนใหญ่เชื่อถือและยอมไปรับการฉีดยี่ห้อที่รัฐบาลจัดหามาให้ เพราะสำหรับคนที่มีฐานะแล้ววัคซีนทางเลือกใกล้จะได้เวลามาให้บริการกับคนกลุ่มนี้เต็มทีแล้ว จึงไม่ต้องวิตกแค่รักษาเนื้อรักษาตัวรอวันไปฉีดเท่านั้น ที่เห็นประชาสัมพันธ์กันหนักหน่วงของสถานบริการทางการแพทย์หลายแห่งให้สั่งจองกันในขณะนี้ก็คือ โมเดอร์นา อีกไม่ช้าทั้งไฟเซอร์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และอีกหลายยี่ห้อคงจะตามมา

เหมือนที่อนุทินตอบคำถามนักข่าวว่า 7 มิถุนายนนี้จะฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาให้ประชาชนทั้งหมดหรือไม่ว่า “เรามีตั้งหลายยี่ห้อ” ฉีดวัคซีนกระจายทั่วไป ทุกคนจะได้รับวัคซีนที่ดี มีมาตรฐานที่เหมาะสม คงลืมไปว่าหลายยี่ห้อที่มียกเว้นสองยี่ห้อที่บังคับไม่ให้เลือกนั้น คนที่จะเข้าถึงได้ต้องมีเงินเท่านั้น บางทีนี่อาจจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีคนพูดถึงรัฐบาลสืบทอดอำนาจว่า นอกจากผู้นำที่ทำตัวเป็นเจ้านายประชาชนแล้ว รัฐมนตรีที่ร่วมคณะส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจถึงหัวใจของคนที่ลำบากยากแค้นอย่างแท้จริง

ดังนั้น มิติทางการเมืองที่ว่าด้วยการไล่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ที่ไม่นับรวมการขับเคลื่อนของคนรุ่นใหม่ซึ่งถูกสภาพการระบาดของโรคร้ายและชะตากรรมของแกนนำหลักจำนวนมาก ถูกบังคับให้ต้องหยุดกิจกรรมไปชั่วคราว การเกิดขึ้นของคณะไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ที่ตั้งเวทีอภิปรายออนไลน์ทุกสัปดาห์และตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมเป็นต้นมาจะจัดกิจกรรมต่อเนื่อง 9 วันเพื่อสะท้อนภาพความล้มเหลวคณะเผด็จการและขบวนการสืบทอดอำนาจนั้น

ถูกมองว่าไม่ธรรมดาแน่ และวันวานก็เริ่มกิจกรรมเพิ่มเติมนอกจากปักหลักอภิปรายกันอย่างเดียวกันก็คือ การเดินทางไปยื่นหนังสือต่อพรรคประชาธิปัตย์ให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยมี อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และ จตุพร พรหมพันธ์ นำทีมไปยื่น เป้าหมายต่อไปก็คือพรรคภูมิใจไทย แต่สามารถคาดเดาคำตอบจากทั้งสองพรรคได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะกับพรรคของเสี่ยหนูนั้น ถอนกันตอนนี้หรือยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ จะได้ส.ส.กลับมาไม่เท่ากับครั้งนี้เป็นแน่

ทว่าสิ่งที่น่าสนใจจากการขับเคลื่อนเช่นนี้ เมื่อต่อจิ๊กซอว์เข้ากับการตั้งโต๊ะแถลงข่าวและการยื่นหนังสือถึงผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจให้ลาออกจากตำแหน่งของกลุ่มประชาชนคนไทย ที่มีอดีตแกนนำระบอบสนธิ-จำลองและม็อบนกหวีดเป็นผู้ขับเคลื่อนนั้น นี่เป็นการแยกกันตีหรือไม่ เพราะฝ่ายหลังที่ไม่เข้าไปร่วมกับคณะไทยไม่ทน มีเหตุผลอันเกี่ยวข้องกับคดีความที่ยังเผชิญอยู่ แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดเชื่อได้ว่า การขยับในลักษณะเช่นนี้ไม่น่าจะใช่แค่การเล่นกับกระแสของสังคมเท่านั้น

เข้าใจได้ว่ากระแสของความเบื่อหน่ายและทนไม่ได้กับการไม่เอาไหนของรัฐบาลสืบทอดอำนาจตลอด 7 ปีที่ผ่านมานั้นมันรุนแรงขึ้น แต่ก็ไม่สามารถที่จะขยับกันสร้างแรงกดดันให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะลุกจากเก้าอี้ไปได้ เพราะอย่างหนาเรียกพี่มียาดีคือองคาพยพที่ถูกเสกสรรปั้นแต่งมากับมือด้วยกลไกที่สร้างขึ้น จึงไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม การเกิดขึ้นของสองคณะเคลื่อนไหวรุ่นใหญ่จึงถูกมองว่าน่าจะมีสัญญาณพิเศษให้ขับเคลื่อนกันเช่นนี้ แต่ไม่รู้ว่าสัญญาณดังว่านั้นจะแรงพอทำให้สั่นคลอนสถานภาพของท่านผู้นำและลิ่วล้อได้หรือไม่