CK จ่อคว้า 4 โครงการ หนุน Backlog แตะแสนล้าน “ฟินันเซียฯ” แนะซื้อ อัพเป้าใหม่ 22 บ.
“บล.ฟินันเซียฯ” ชี้ CK มีโอกาสคว้า 4 โครงการ รถไฟทางคู่เฟส 2, รถไฟฟ้าม่วงใต้, สายสีส้ม และโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง มูลค่าถึง 2.98 แสนลบ. โดย Backlog จะขึ้นเป็นแสนล้านบาทในปลายปี ทั้งนี้ปรับราคาเหมาะสม ขึ้นจาก 19 บาท เป็น 22 บาท คงแนะนำ “ซื้อ”
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (27 พ.ค. 2564) โดยประเมินบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1 /2564 ที่ระดับ 207.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.68% จากไตรมาสก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งขาดทุนอยู่ที่ 113.59 ล้านบาท
ขณะที่ในปีนี้บริษัทฯเชื่อมั่นว่าการลงทุนภาครัฐจะเป็นแรงสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจพร้อมคาดหวังยอดรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) แตะระดับแสนล้านบาทในปลายปี
อีกทั้งจะหนุนภาพรูปแบบการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ (New S-curve) ชัดเจนขึ้นในธุรกิจรับเหมา จากการตั้งเป้ารับงานใหม่เพิ่ม 2.98 แสนล้านบาท ผ่าน 4 โครงการหลักอย่าง รถไฟทางคู่เฟส 2 อย่างสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และ สายบ้านไผ่-นครพนม คาดหวังรับงาน 3 หมื่นล้านบาท จากมูลค่า 2 โครงการรวม 1.27 แสนล้านบาท
โดยล่าสุด กลุ่ม CKST ซึ่ง CK ร่วมทุนกับ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC เข้าร่วมยื่นซองใน สายเด่นชัย และเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดในสัญญา 2 และสัญญา 3 ที่ 2.69 หมื่นล้าน บาท และ 1.94 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับ รถไฟฟ้าสีม่วงใต้คาดประมูลในไตรมาส 2/2564 และ ไตรมาส 3/2564 ตั้งเป้ารับงานรวม 4.70 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงานก่อสร้าง 2 หมื่นล้านบาท บนสมมติฐานอัตราผลสำเร็จ 25% (Success rate)รวมถึงงาน M&E จาก บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ซึ่งเป็นผู้เดินรถสายสีม่วงในปัจจุบันอีกราว 2.70 หมื่นล้านบาท
ส่วน รถไฟฟ้าสายสีส้ม คาดประมูลในปลาย 2/2564 และ ไตรมาส 3/2564 คาดได้รับงานทั้งโครงการมูลค่า 1.20 แสนล้านบาทผ่าน BEM ที่เป็นผู้เข้า ประมูล
นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง มูลค่า 8.50 หมื่นล้านบาท คาดได้ข้อสรุปในครึ่งปีหลัง 2564 ทั้งนี้ มีโอกาสเข้าประมูลโครงการอื่นที่คาดมีความชัดเจนในปีนี้ มูลค่า รวมกว่า 1 แสนล้านบาทอย่าง Motorway 2 สาย และงานสนามบินอีก 2 โครงการ
อย่างไรก็ดี บริษัทได้ตั้งเป้าปี 2564 รายได้ก่อสร้างใกล้เคียงถึงดีขึ้นเล็กน้อยจากปี 2563 ซึ่ง ใกล้เคียงกับประมาณการไว้ที่ 1.75 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.00% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นตั้งเป้าไม่น้อยกว่า 8.00% ถือว่าดีกว่าที่คาดการณ์อย่างระมัดระวังไว้ที่ 7.70% โดยแนวโน้มธุรกิจรับเหมาไตรมาส 2/2564 คาดจะยังทรงตัวไม่สูงตามปัจจัยฤดูกาลที่มีวันหยุดจำนวนมาก แต่จะทยอยดีขึ้นอย่างค่อยเป็นไปค่อยไปในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ตามลำดับ จากการเร่งรับรู้งาน โรงพยาบาล และรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก
สำหรับส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมคาดได้แรงหนุนหลักจากการเติบโตของ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ที่ปริมาณน้ำไหลเพิ่มขึ้นเป็นบวกต่อการผลิตไฟฟ้า ขณะที่ BEM แม้ยังถูกกดดันจาก COVID-19 ระลอกใหม่ โดยเฉพาะในไตรมาส 2/2564 ที่มีมาตรการคุมเข้ม แต่ผลกระทบน้อยกว่าปี2563 และคาดจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง2564 หลังสถานการณ์ระบาดคลายตัวและมีการฉีดวัคซีนแพร่หลายขึ้น ทั้งนี้คงประมาณการกำไรปกติ ปีนี้ที่ 812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141%งวดเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีส่วนต่างราคา (Upside) จากการรับงานทางคู่เด่นชัย หากสมมติฐาน CK ถือ 55% ในกลุ่ม CKST จะได้งานเพิ่ม 5.60 หมื่นล้านบาท
โดย “ฝ่ายวิจัย” คงแนะนำ “ซื้อ”แต่ปรับราคาเหมาะสมปี 2564 ขึ้นจาก 19 บาท เป็น 22 บาท ด้วยวิธี SOTP คือปรับ EV/EBITDA ของธุรกิจรับเหมาขึ้นจาก 8 เท่า เป็น 10 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับ STEC สะท้อนการรับงานใหม่หนุนวัฏจักรขาขึ้นรอบใหม่ที่ชัดเจนกว่าเดิม และงานที่ตั้งเป้ารับใหม่ที่จะรับรู้อย่างมีนัยตั้งแต่กลางปีหน้า โดยราคาเหมาะสมใหม่ คิด Implied PBV2564 ที่ 1.4 เท่า ใกล้เคียงกับระดับในกลางปี 2555 ที่เป็นช่วงเร่งรับงานใหม่ก่อน Backlog ขึ้นเป็นแสนล้านบาทในปลายปี
ทั้งนี้ขณะที่ประเมินผลประกอบการในไตรมาส 2/2564 พลิกเป็นกำไรได้จากบันทึกปันผลรับ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW และส่วนแบ่งกำไรจาก CKP โดยตัวเร่งปฏิกิริยา(Key Catalyst) คือความคืบหน้าการประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้และรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะเป็นแรงหนุนสำคัญต่อราคาหุ้น