SET สัปดาห์นี้ Sideway หลังผ่านช่วงลดน้ำหนักลงทุน MSCI ชูเคาะ 3 หุ้นเด่น เน้นมีปัจจัยบวก

SET สัปดาห์นี้ Sideway หลังผ่านพ้นการลดน้ำหนักลงทุน MSCI Rebalance ชูเคาะ 3 หุ้นเด่น เน้นมีปัจจัยบวก แนวต้าน 1595/1606 จุด แนวรับ 1567/1555 จุด


บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้ (24-28 พ.ค.64) Weekly outlook: “Sideways” ต้าน 1595/1606 จุด รับ 1567/1555 จุด

(+/*) Global Vaccination : กลุ่มประเทศใน DM มีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง นำโดย US, EU, UK ฉีดไปแล้ว 49%, 36%, 57% ของประชากรขณะที่เอเชียยังล่าช้า โดยฉีดไปเพียง 5.5% ของประชากร ซึ่งไทยฉีดต่ำเพียง 3.2% ท่ามกลางการแพร่ระบาดที่ยังน่าเป็นห่วง ทำให้แผนการเปิดประเทศล่าช้า

(*) OPEC+ Meeting : การประชุม OPEC+ 1 มิ.ย. จะประเมินแนวโน้มการส่งออกน้ำมันอิหร่าน และอาจมีการปรับแผนการผลิตสำหรับเดือนมิ.ย.และก.ค.เพื่อรองรับการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน โดยตามกำหนดเดิมน้ำมัน OPEC+ จะเพิ่มกำลังการผลิต 350,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. และเพิ่มอีก 441,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค.

(-) Fund Flows : Fund Flows ในเอเชียผันผวนต่อเนื่อง โดยต่างชาติขายสุทธิในเอเชีย 6 สัปดาห์ติดต่อกันรวม -14,619 ล้านเหรียญ และขายไทยทุกวันทำการใน 3 สัปดาห์รวม -868 ล้านเหรียญ แต่อย่างไรก็ดี ผ่านพ้นการลดน้ำหนักจาก MSCI Rebalance ไปแล้วอาจทำให้ Fund Flows ผันผวนน้อยลง

(-) Third Wave : สถานการณ์ Third Wave ยังไม่สามารถควบคุมได้ โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันสูงทะลุ 3 พันราย และเสียชีวิตทำ New High ที่ 47 ราย ดังนั้น ความคาดหวังจึงอยู่กับวัคซีน ซึงจากตัวเลขการจองวัคซีนในปัจจุบัน หมอพร้อม 8 ล้านรายและไทยร่วมใจ 1 ล้านราย อาจยังไม่สูงมากนัก แต่มีสัญญาณบวกจากรพ.เอกชนที่เจรจาน าเข้าวัคซีนทางเลือกอื่นๆที่มีความชัดเจนขึ้น และอาจส่งมอบได้อย่างเร็วในเดือนมิ.ย. จะทำให้เศรษฐกิจไทยมีความหวังมากยิ่งขึ้น

(+/*) A New Borrowing Decree : พ.ร.ก.กู้เงินวงเงิน 5 แสนล้านบาท (3.21% ของ GDP) จะเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ และคาดจะเริ่มใช้จ่ายได้ปลายไตรมาส 2 ซึ่งจะช่วยเพิ่ม GDP ปี 2564 ได้ราว 0.71% แต่อย่างไรก็ดี Nomuraยังคงคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2564 ที่ระดับเดิมที่ 2.1% เนื่องจากให้น้ำหนักกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ Covid-19 ที่ยังควบคุมไม่ได้ และการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า

โดยคาดไทยฉีดวัคซีนได้ 30% ของประชากรช่วงไตรมาส 1/2565 ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยจะต้องใช้เวลาจนถึงไตรมาส 3/2565 ก่อนจะฟื้นกลับมาได้เท่า Pre-Covid ช้ากว่าภูมิภาค

(*/-) Key to Watch : 1) Manufacturing PMI 1 มิ.ย. และ Service PMI 3 มิ.ย. ของสหรัฐฯ ยุโรป อังกฤษ คาดของสหรัฐฯฟื้นตัวต่อ ขณะที่ยุโรป อังกฤษทรงตัวสูง 2) FED Beige Book 2 มิ.ย. จับตาภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ 3) 4 มิ.ย.จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค. คาดที่ 663,000 ตำแหน่ง มากกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 266,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานเดือนพ.ค. คาดที่ 5.9% ลดลงจาก 6.1%

กลยุทธ์การลงทุน : ประเมินแรงกดดันจาก Outflows จะลดลง หลังผ่านพ้นการลดน้ำหนักของ MSCI Rebalance ขณะที่ความคืบหน้าวัคซีนรพ.เอกชน เพิ่มความความคาดหวังต่อเศรษฐกิจไทย แนะสะสม Selective รายกลุ่ม เน้น Earnings + Global Play (กลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี กลุ่มโภคภัณฑ์ กลุ่มส่งออก และกลุ่มประกัน) ขณะที่คงน้ำหนักการลงทุนที่ 50%

หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ : แนะนำ KSL, SAPPE, IRPC ส่วนสัปดาห์ก่อน TVO, BEC, IRPC ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.41% ดีกว่าดัชนีฯที่ให้ผลตอบแทน 1.90%

1) KSL(TP4.7) : คาดผลประกอบการครึ่งหลังปี 2564 โดดเด่น รับราคาน้ำตาลขาขึ้น

2) SAPPE (TP38) : ผลประกอบการเครื่องดื่มเด่นไตรมาส 1/2564 + ภาษีความหวานเลื่อน

3) IRPC (TP4.5): ลุ้นเข้า SET50 ขณะที่แนวโน้ม Spread ยังสูง

Back to top button