แรงขายหุ้นพลังงานฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 50 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน และข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาคการผลิตเดือนก.ย.ของสหรัฐเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่า ECB จะยังไม่ใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (23 ก.ย.) ที่ 16,279.89 จุด ลดลง 50.58 จุด หรือ -0.31%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,752.74 จุด ลดลง 3.98 จุด หรือ -0.08% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,938.76 จุด ลดลง 3.98 จุด หรือ -0.20%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลต่อรายงานที่ว่า บรรดาบริษัทกลั่นน้ำมันของสหรัฐได้ปรับลดอัตราการกลั่นน้ำมันลง 2.2% สู่ระดับ 90.9% โดยหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็ร่วงลงกว่า 5.7% ขณะที่หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 5.3%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของมาร์กิต ซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 53.0 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเดือนส.ค. และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 22 เดือน หรือต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2013 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PMI จะปรับตัวอยู่ที่ระดับ 53.0 ในเดือนก.ย.

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายดรากีแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภายุโรปเมื่อวานนี้ว่า ECB จำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจโดยรวม ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลง โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ร่วงลง 5.6% หุ้นวัลแคน แมทีเรียลส์ ปรับลง 3.7% และหุ้นมอนซานโต ดิ่งลง 2.5% ส่วนหุ้นอุตสาหกรรมร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ ร่วงลง 2.1% หุ้นจอย โกลบอล ดิ่งลง 5.6%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค., จีดีพีขั้นสุดท้ายช่วงไตรมาส 2/2558, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

Back to top button