น้ำมันดิบปิดลบหลังยอดผลิตในสหรัฐฯเพิ่ม
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.88 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 44.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.33 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 47.75 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหลังจาก EIA รายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ย. เพิ่มขึ้น 19,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.136 ล้านบาร์เรลต่อวัน
การเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงเกินไป แม้รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ดังกล่าวปรับตัวลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 454 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 100,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 462,000 บาร์เรล สู่ระดับ 54 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลของ EIA ที่ระบุว่า อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันของสหรัฐลดลง 2.2% สู่ระดับ 90.9% ซึ่งมากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.8% และสะท้อนให้เห็นว่า การลดลงของอุปสงค์พลังงานอาจส่งผลให้บริษัทกลั่นน้ำมันของสหรัฐปรับลดอัตราการกลั่นน้ำมันลง
ทั้งนี้ EIA คาดการณ์ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยของสหรัฐในปี 2558 จะอยู่ที่ 9.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 8.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2559