2 เดือนวัดผล
วัคซีนดีเดย์ 7 มิถุนา มาพร้อมความระส่ำ ล็อตแรกจ่ายให้จังหวัดละ 3,600 โดส น้อยกว่ายอดจอง รพ.ต้องเลื่อนนัดจ้าละหวั่น สธ.ค่อยประกาศอีกครั้ง เพิ่มให้จังหวัดละไม่น้อยกว่า 10,000 โดส ฉีดได้ 2 สัปดาห์ แล้วจะทยอยส่งให้อีก
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
วัคซีนดีเดย์ 7 มิถุนา มาพร้อมความระส่ำ ล็อตแรกจ่ายให้จังหวัดละ 3,600 โดส น้อยกว่ายอดจอง รพ.ต้องเลื่อนนัดจ้าละหวั่น สธ.ค่อยประกาศอีกครั้ง เพิ่มให้จังหวัดละไม่น้อยกว่า 10,000 โดส ฉีดได้ 2 สัปดาห์ แล้วจะทยอยส่งให้อีก
ตัวเลขที่วางไว้คือเดือนนี้จะได้วัคซีน 6.96 ล้านโดส เป็น Sinovac 1.5 ล้านโดส AstraZeneca ล็อตแรก 1.8 ล้านโดส+สั่งจากเกาหลี 2.4 แสนโดส สัปดาห์ที่สามมาอีก 8.4 แสนโดส สัปดาห์ที่สี่ 2.58 ล้านโดส เดือนกรกฎายังไม่ทราบ จัดสรรเฉพาะหน้าตามวัคซีนที่ได้รับ ตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ไม่ลด ยังสม่ำเสมอวันละสองพันกว่า
แล้วเมื่อไหร่จะเปิดเศรษฐกิจ เดาใจรัฐบาล คงเริ่มวันที่ 1 ก.ค. เพราะให้ลงทะเบียน “ยิ่งใช้ยิ่งได้” 21 มิ.ย.เริ่มใช้จ่ายกับร้านนวด สปา วันที่ 1 ก.ค. นั่นคือสถานประกอบการ 5 ประเภทที่ กทม.จะให้เปิด แต่ ศบค.สั่งเบรกไปอีก 14 วัน
1 ก.ค.อาจฝันหวานด้วยซ้ำ ถึงสั่งเปิดได้ ถ้ายังติดเชื้อรายวัน 1-2 พัน คนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าใช้บริการ ดูร้านอาหารสิ ให้นั่งกินได้ ก็ไม่ค่อยมีคนเข้า Foodpanda เผยว่ามีร้านอาหารบนแพลตฟอร์มปิดตัวไปแล้วทั้งชั่วคราวและถาวร 2-2.5 หมื่นร้าน จากโควิด 3 รอบ สมาคมภัตตาคารประเมินว่าจะมีร้านปิดตัวเองอีก 5 หมื่นราย ตกงาน 5 แสนคน
กว่าจะเปิดเศรษฐกิจได้ ไม่รู้ธุรกิจรายย่อยเหลือรอดเท่าไหร่ รัฐบาลมีแต่แจกจ่ายประชานิยม เราชนะ เรารักกันคนละครึ่ง ไม่มีมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ร้านอาหาร ร้านนวด สปา ผับบาร์ นักดนตรี คนทำงานกลางคืน ฯลฯ ไม่มีมาตรการอุดหนุนผู้ประกอบการให้จ้างงานต่อ แบบมาเลเซีย สิงคโปร์ จะบอกว่าไม่มีเงินก็พอเข้าใจ แต่ที่เห็นคือปล่อยไปตามยถากรรม ใครรอดก็รอด ใครตายก็ตาย ใครฉวยโอกาสได้ก็ตัวใครตัวมัน แล้วขายฝันให้รอสถานการณ์ เช่นเชื่อว่าปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น การส่งออก ท่องเที่ยวจะกลับมา
รัฐบาลไม่ได้มีฝีมือบริหารเศรษฐกิจ ที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือแล้วแต่ภาคธุรกิจจะผลักดัน ต่อรอง ล็อบบี้ ให้ทำตาม แม้แต่การระดมซื้อวัคซีนก็มาจากหอการค้า CEO กดดัน นโยบายต่าง ๆ แล้วแต่ใครจะเข้าถึง ใครมีอำนาจเรียกร้องต่อรอง
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังวันที่ 7 มิถุนา คือ รัฐบาลฉีดวัคซีนแล้วนะ รัฐบาลแจกเงินแล้วนะ กลบเสียงวิจารณ์ก่นด่าความล้มเหลวห่วยแตกทุกด้าน เหมือนไม่เคยเกิดขึ้น แล้วก็บอกให้ทุกคนพึ่งตัวเอง เอาตัวรอดกันเอง ไม่ว่าประชาชนคนเล็กคนน้อย หรือภาคธุรกิจ รัฐบาลก็จะอยู่ไปอย่างนี้ ทั้งไม่มีฝีมือทางเศรษฐกิจ ไม่มีความชอบธรรมทางการเมือง ติดลบด้วยซ้ำ แต่อาศัยการต่างตอบแทนในพรรคการเมืองระบบอุปถัมภ์ ต่างตอบแทนรัฐราชการ เช่นต้องมีงบให้ทหาร “ซื้อบ้านทีเดียวสองหลัง” ซื้ออาวุธผูกพันโดยไม่ลดกำลังพล
นี่เป็นสภาพที่รัฐบาลบีบให้ทุกคนจำยอม โดยเฉพาะคนทำมาหากิน ยิ่งต่อต้านยิ่งเดือดร้อน ถูกบีบบังคับให้สวามิภักดิ์ระบบอุปถัมภ์ เช่น ทำธุรกิจต้องเข้าหาอำนาจ ใครอยากได้วัคซีนก่อนต้องอยู่ในเครือข่ายนักการเมือง ตั้งแต่ระดับชุมชนถึงอำเภอ จังหวัด
รัฐบาลกลับมาคุมอำนาจได้ สยบข้อเรียกร้องของหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สยบการเคลื่อนไหวของ อปท.ที่ขอซื้อวัคซีนเอง สยบความไม่พอใจของพรรคร่วมรัฐบาล ผ่านงบประมาณโดยไม่แยแสข้อท้วงติงฝ่ายค้าน
ถ้าคุมโควิดได้ ถ้าเศรษฐกิจฟื้นกลับมาได้ (ด้วยการที่ภาคธุรกิจดิ้นรนกันเอง) รัฐบาลก็ถูไถไปเรื่อย อ้างผลงาน แต่แน่ใจหรือจะฟื้นง่าย ๆ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลังชี้ว่า “กู้ก็ตาย ไม่กู้ก็ตาย” จีดีพีจะโตแค่ 1.5%
ไม่เกิน 2 เดือนน่าจะรู้ เดือน ก.ค.จะเห็นผลว่าพอคุมโควิดได้ไหม เปิดเศรษฐกิจได้ไหม กระแสไล่ประยุทธ์จะจุดติดแค่ไหน