พาราสาวะถี

อรชุน

ยอมขอโทษประชาชนที่ไม่ได้รับความสะดวกจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งความจริงต้องบอกว่าไม่ใช่ไม่ได้รับความสะดวก แต่เป็นความไม่เอาไหนของรัฐบาลมากกว่า มากไปกว่านั้นคือจนถึงนาทีนี้ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ยังไม่ยอมรับความจริงว่าการบริหารจัดการวัคซีนโควิดนั้นมีปัญหา ถ้าจะพูดให้ชัดคือล้มเหลว โดยเฉพาะวัคซีนม้าตัวเดียวอย่างแอสตร้าเซเนกาที่ไม่มาตามนัด ทำให้ต้องเกิดการเลื่อนฉีดให้กับประชาชนกันทั้งประเทศ

สวนทางกับสิ่งที่ตัวเองและคณะพากันโหมโพนทะนา เชิญชวนให้ประชาชนพากันไปจองคิวฉีดวัคซีน พอสุดท้ายเมื่อประชาชนพร้อม กลายเป็นระบบที่ตัวเองตั้งขึ้นมาเพื่อการฉีดวัคซีนโดยเฉพาะอย่างหมอพร้อมเป็นหมอไม่พร้อม ทุกคำพูดของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ออกมาขอโทษประชาชนนั้น มันเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่านี่คือความผิดพลาดล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของการเตรียมความพร้อมด้านวัคซีนของรัฐบาล เหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาเช่นนี้คือไม่มีการวางแผนเปิดทางเลือกวัคซีนตัวอื่นไว้แม้แต่น้อย

การที่บอกว่าเรื่องการจัดส่งวัคซีนยังต้องมีการปรับแก้ เพราะทุกคนน่าจะทราบดีว่าไม่ได้มาครั้งเดียวทั้งหมดตามสัญญา แต่จะทยอยเข้ามาเป็นรอบ ๆ จึงจะจัดส่งให้เร็วที่สุด โดยพิจารณาเป็นรายเดือนตามจำนวนวัคซีนในมือ ซึ่งอาจเกิดปัญหาการบริหารจัดการอยู่บ้างในระยะแรก จึงได้ทำความเข้าใจโรงพยาบาลต่าง ๆ แล้ว วันนี้มีวัคซีนจำนวนเท่าไหร่ให้กระจายให้มากที่สุด แล้วไหงรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงคุณหมอของท่านผู้นำบอกว่าให้ฟังกระทรวงอย่าไปฟังโรงพยาบาล

การพูดในทำนองดังกล่าวเท่ากับเป็นการโยนความผิดของตัวเองไปให้โรงพยาบาลต่าง ๆ ที่ได้ทำการเลื่อนนัดฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปอย่างไม่ละอายใจ ถือเป็นนักการเมืองที่อย่างหนาพอกันกับขบวนการสืบทอดอำนาจ ยิ่งผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยืนยันว่าจะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้มากที่สุด โดยไม่รอวัคซีนที่ทำสัญญาไว้แล้วเท่านั้น ยิ่งเป็นการตอกย้ำความผิดพลาดในการบริหารจัดการอย่างชัดเจน ทั้งที่ประเด็นเหล่านี้มีคนคอยเตือนมาตั้งแต่ก่อนการระบาดระลอกสองแล้ว

สิ่งที่บอกเชื่อว่าในเดือนต่อไปจะได้รับวัคซีนเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ จนแต่ละจังหวัดสามารถบริหารจัดการได้สะดวกมากขึ้น เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนคนไทยที่จองแล้วต้องถูกเลื่อนคิวอีก ฟังดูเหมือนเป็นการแสดงความรับผิดชอบและเยียวยาประชาชน แต่ความจริงแล้วมันต้องมีความรับผิดชอบที่มากกว่านี้ เพราะนี่คือความผิดพลาดในเรื่องที่สำคัญ เมื่อมองไปยังการระบาดที่ตัวเลขไม่มีลดน้อยถอยลง มันจึงเท่ากับว่าประชาชนต้องมาผจญกับความเสี่ยงมากขึ้นตามลำดับจากความไม่เอาไหนของฝ่ายกุมอำนาจ

แน่นอนว่า การฉีดวัคซีนไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะหยุดการระบาดได้ในทันทีทันใด แต่อย่างน้อยการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ก็ยังจะช่วยสร้างความมั่นใจหรือลดการระบาดได้เร็วขึ้น ทุกย่างก้าวที่เนิ่นช้าออกไปคือ หายนะทั้งของประชาชนและประเทศชาติ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความล้มเหลวจากการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนเท่านั้น การระบาดทั้งระลอกสองและสามล้วนเกิดจากความผิดพลาดในการป้องกันการแพร่ระบาดของภาครัฐทั้งสิ้น

ยังคงมีปากไว้พูดเพื่อความสบายใจของตัวเองเพียงอย่างเดียวจริง ๆ สำหรับ อนุทิน ชาญวีรกูล เมื่อรู้ว่าตัวเองผิดพลาดและทำให้ประชาชนต้องรอแทนที่จะขอโทษ บอกความจริงกับประชาชนแต่กลับป่าวประกาศ “เป้าการฉีด 50-60 ล้านคน ฉีดเดือนเดียวไม่มีทางทันแน่นอน” นอกจากนั้น ยังบอกด้วยว่าทุกคนได้สิทธิแน่ ต่อให้ได้คิวท้าย ๆ แต่ความเสี่ยงก็ลดลงมากเช่นกัน เพราะเมื่อมีคนฉีดวัคซีนเยอะแล้วโอกาสแพร่โรคก็น้อยลง แต่ก็ต้องทำควบคู่การเว้นระยะห่าง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย

พูดเชิงหลักการได้ดี แต่เวลานี้สถานการณ์มันน่าไว้วางใจหรือไม่ เป็นเครื่องหมายคำถามสำคัญ อย่าลืมเป็นอันขาดจากเดิมเชื้อที่พบในประเทศไทยคือสายพันธุ์อู่ฮั่นที่ทำให้สามารถตีวงควบคุมการแพร่ระบาดได้ แม้กระทั่งในการระบาดระลอกสองก็ยังเอาอยู่ แต่พอเข้าสู่ระลอกสามสายพันธุ์อังกฤษหรือสายพันธุ์อัลฟ่า ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งไม่หยุดอยู่ในเวลานี้ และที่เป็นห่วงกันอยู่ในแวดวงการแพทย์ที่มีการถอดรหัสพันธุกรรมกันอย่างเคร่งเครียดคือสายพันธุ์อินเดียหรือสายพันธุ์เดลต้า

เพราะจะเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อังกฤษ จากเดิมพบที่แคมป์คนงานก่อสร้างย่านหลักสี่หลักหลายสิบราย ปัจจุบันนั้นพบว่ามีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้ 235 ราย โดย 206 รายอยู่ในกทม.คือแคมป์คนงานหลักสี่ นนทบุรี พิษณุโลก นครราชสีมา และสระบุรีจังหวัดละ 2 ราย มีความเชื่อมโยงกับแคมป์หลักสี่ นอกจากนี้ ที่บุรีรัมย์ อุบลราชธานี สมุทรสงคราม และร้อยเอ็ดก็พบจังหวัดละ 1 ราย ที่น่าห่วงคือ อุดรธานี 17 ราย จากการรวมกลุ่มบายศรีสู่ขวัญ กำลังสอบสวนโรคอยู่

นี่ยังไม่นับรวมสายพันธุ์แอฟริกาใต้หรือสายพันธุ์เบต้า ที่พบผู้ติดเชื้อ 26 รายในพื้นที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพราะสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่หลบหลีกภูมิต้านทานได้ ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง ปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่แวดวงทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ไม่ใช่หมอการเมืองอยากจะให้มีการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรจำนวนมากที่สุดอย่างน้อยในอัตรา 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดในระยะเวลาอันรวดเร็ว

เป้าหมายที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจประกาศว่าต้องทำให้ได้ภายในสิ้นปีนี้นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ถามว่าทันต่อสิ่งที่เผชิญอยู่ในเวลานี้หรือไม่ คำตอบรู้อยู่แก่ใจกันดีอยู่แล้ว เวลานี้ที่ทำกันได้สำหรับประชาชนคือภาวนาว่าขอให้วัคซีนที่สั่งกันไว้มาตามนัดหรือได้ในจำนวนที่ไม่ต้องเลื่อนคิวประชาชนจำนวนมากออกไปยาวนานโดยไม่จำเป็น ส่วนวัคซีนทางเลือกทั้งหลายที่ท่านผู้นำพยายามจะชูเป็นจุดขายใหม่ของตัวเองนั้น บอกได้แค่ว่ามาแล้วไง มาแล้วช้ากว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ และมาแล้วประชาชนได้ฉีดฟรีกันทุกคนหรือเปล่า